เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งคนที่หลายคนชื่นชอบในการพลิกผันจากนักแสดงสู่พิธีกรชื่อดัง สำหรับ หนุ่ม กรรชัย ซึ่งล่าสุดในประกาศรางวัล “คมชัดลึก อวอร์ด ครั้งที่ 21” พิธีกรชื่อดังได้เผยถึงปัญหาเรื่องสุขภาพ รวมถึงโดนมิจฉาชีพนำภาพไปตัดต่อสร้างข่าวปลอมว่าตนถูกตำรวจจับ พร้อมเผยถึงสาเหตุในการยอมส่งเสียค่าเทอมให้ “หนูดี”จากกรณีข่าวสาวตามหาญาติเพื่อช่วยเซ็นอนุมัติการรักษาแม่ที่ป่วยหนักในห้อง ICU หลังถูกวินิจฉัยว่าเป็นเนื้องอกในสมอง ขณะที่เคยตามหาพ่อเพื่อขอทุนการศึกษา แต่กลับถูกผลักไสไม่มีที่พึ่งในยามที่ชีวิตแม่กำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย

หนุ่ม กรรชัย เผยว่า “สำหรับการทำรายการต้องใช้พลังงานมากแค่ไหนเอาตรงๆ ว่าทุกวันนี้ทำออนไลน์สบายกว่าในทีวี เพราะว่าในออนไลน์เรารู้สึกว่าผ่อนคลายมากกว่าเวลาเรานำเสนออะไรเราพูดได้ คือมันเป็นเรื่องของมนุษย์จริงๆที่เราพูดกันได้ภาษาที่เราใช้เป็นมนุษย์จริงๆ แต่เวลาอยู่ในทีวีเขาจะมีสิ่งที่ควบคุมอยู่ ซึ่งบางครั้งก็อาจจะถูกมองว่าเป็นคำพูดที่ไม่เหมาะสม มันก็เลยทำให้เราคอยระวัง ความธรรมชาติมันก็เลยจะไม่มี ซึ่งหลังจากเสร็จรายการแล้วพอเจอเรื่องเครียดแล้วก็ทิ้งมันไป เราก็ไปทำอย่างอื่น ไปออกกำลังกายไปดูหนัง ชีวิตมันก็จะเปลี่ยนไปอีกแบบนึง เราไม่ได้ไปยึดติดกับมัน ถามว่าเครียดไหม แรกๆ เครียด ถึงขั้นเวลาหลับตาเรื่องราวเหล่านี้ก็จะวนอยู่ในหัว สุดท้ายก็ไปปรึกษาจิตแพทย์ จิตแพทย์ก็เลยแนะนำวิธีให้เราทำยังไงก็เลยหลุดออกมาได้ ซึ่งสุขภาพจิตเราไม่ได้เสีย ทุกวันนี้โอเค เพียงแต่กลับมามองว่ามันก็แปลกดีว่าคนๆ นึงมาเจอเรื่องราวของคนโน้นคนนี้เยอะแยะมากมายแต่ละวัน แต่รู้สึกว่าเราไม่ได้เจอคนเดียว เพราะคนที่ดูอยู่เราก็ทำความเข้าใจเป็นคนอยู่ด้วย ก็เลยมีคนแบ่งเบา

แต่ล่าสุดหูเราเกิดปัญหา คือย้อนกลับไปซักเจ็ดแปดเดือนก่อน มันเริ่มมีอาการที่เวลาได้ยินเสียงอะไรที่มันดังๆ โทนเสียงแปลกๆ เข้ามาที่หูข้างขวา มันเหมือนกับเป็นลำโพงแตกอยู่ในหู มันก็เลยทำให้เราสงสัยว่าเป็นอะไร พอหลังหลังมันเริ่มเป็นเยอะ แล้วเมื่อก่อนใส่เอียร์หูข้างขวาแล้วย้ายมาข้างซ้าย พอเวลาพี่หมวยอ่านข่าวพี่หมวยก็จะหันมาข้างขวาแล้วเสียงของพี่หมวยพอเข้าหูเราเลยทำให้เรามีอาการนั้น ก็เลยไปหาหมอเมื่อสองสามวันก่อน มันเป็นโรคเกี่ยวกับประสาทหูซึ่งมันรับเสียงเร็วเกินไป โดยเฉพาะเสียงที่เกี่ยวกับคลื่นความถี่ ซึ่งเสียงผู้ชายพูดไม่เป็นไรแต่เวลาเสียงผู้หญิงพูดมันจะเข้าแล้วมันจะดังตลอดเวลา เป็นกับเสียงพี่หมวยแล้วก็คนอื่นก็มีบ้าง ซึ่งวิธีการรักษาคุณหมอก็เลยบอกให้กินยา ให้เลือดไปหล่อเลี้ยงที่ประสาทหู และอีกอย่างหนึ่งคือให้ไปฟังเสียงทีวีที่สมัยก่อนเวลาจบรายการจะมีเสียงซ่าให้ฟัง ซึ่งชื่อโรคนี้มีชื่อว่า “Hyperacusis” ส่วนการรักษาคือหมอก็บอกว่าคงต้องค่อยๆ บำบัดไปเรื่อยๆ คงไม่อาจถึงผ่า ส่วนผลกระทบเกี่ยวกับโรคนี้มีครับ เพราะว่าเวลาคุยโทรศัพท์บางครั้งมันก็ไม่ไหว และวิธีอ่านข่าวของพี่หมวยบางครั้งก็ต้องหันหน้าไปตรงๆอย่าหันมาทางพี่ ถามว่านอยด์มั้ยก็นอยด์แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
หนุ่ม กรรชัย เผยต่อว่า ”ในเรื่องส่วนของเรื่องที่มีภาพของพี่ได้ถูกกุข่าวโพสต์ว่าโดนตำรวจรวบ อันนี้ฝากเตือนด้วยแล้วกันนะครับ คือมีมิจฉาชีพเอารูปพี่ไปตัดต่อไปทำเหมือนว่าพี่โดนจับ เพื่อให้คนเข้าไปดูแล้วกดเข้าไปในนั้น พอกดเข้าไปเสร็จมันก็จะต่อลิงค์ไปให้กู้เงินยืมเงินเลอะเทอะไปหมด และมีเยอะมากๆก็ต้องระวังด้วย รวมถึงเอาภาพพี่เองไปขายสินค้าต่างๆซึ่งพี่เองไม่เคยรู้เรื่องอะไรแบบนี้ก็มี ถามว่าเห็นภาพนี้ได้ยังไงก็คือมีคนส่งมาถามว่าพี่หนุ่มเกมหรอ ซึ่งเราก็ตอบไปว่าเกมเxี้ยอะไร คือเราไม่ได้โดนจับ แล้วคือเพื่อนมาถาม เพื่อนคงสงสัยเพราะว่าช่วงนี้เราคดีเยอะมันก็เป็นไปได้ ซึ่งก็มีหลายคนโดน “พี่ณวัฒน์” ก็โดน “บุ๋ม ปนัดดา” ก็โดน แล้วคือไม่รู้ว่าจะต้องไปตามตัวคนที่ทำได้ที่ไหน ก็คือทำได้อย่างมากก็คือแจ้งความลงบันทึกไว้ แต่การที่จะไปดำเนินคดีมันยากมาก ไม่รู้ว่าเป็นใครอยู่ต่างประเทศหรือเปล่าก็ไม่รู้

และอีกหนึ่งเรื่องที่มีการส่งเสียน้องหนูดี คือพอดีน้องหนูดีเค้ามีคุณพ่อเป็นตำรวจ แล้วน้องไม่ได้อยู่กับคุณพ่อมาตั้งแต่เด็ก สุดท้ายน้องมาตามหาคุณพ่อเพื่อจะขอเงินไปส่งค่าเทอม ซึ่งน้องก็มีปัญหาเกิดขึ้นอย่างที่ทุกคนทราบกันดี ตัวพี่เองก็มองว่าเด็กเขาน่าสนับสนุน และเป็นเด็กที่เรียนดี พี่รู้สึกว่าพี่อยากลงทุนกับน้องคนนี้ เพื่อให้น้องคนนี้เขาโตขึ้นมาอย่างมีคุณภาพ พี่ไม่อยากให้เขาผ่านช่วงชีวิตตรงนี้โดยที่มันต้องเดินคนเดียว เพราะว่าคุณแม่เขาก็เป็นฝีในสมอง พี่รู้สึกว่าพี่ไหวพี่ก็เลยหยิบยื่นความจำนงไป พอข่าวออกโหนกระแสไปก็มีคนติดต่อเข้ามาเยอะ รวมไปถึงสถานศึกษาและกองทุนอื่นๆ พี่ก็เลยบอกว่าไม่เป็นไรหรอกคือกองทุนที่ติดต่อเข้ามาเก็บเงินกองทุนอันนี้แล้วเอาไปส่งต่อให้กับเด็กคนอื่นๆที่เขาอาจจะลำบากกว่าน้องหนูดี เพราะมันก็ยังมีอยู่ แต่น้องหนูดีไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่จะดูแลให้ แต่ก็อาจจะมีโรงเรียนที่น้องไปเรียนเขามีการยื่นความจำนงมาแล้วว่าเขาจะมีกองทุนหลายๆ กองทุน บางกองทุนก็อาจจะมาซัพพอร์ตได้ ก็กำลังคุยกันอยู่ว่าจะเอายังไง
ถามว่ากลัวไหมเพราะมีหลายเคสเข้ามาขอเราเยอะแต่เราก็ปฏิเสธไป คือต้องบอกแบบนี้ว่าการช่วยเหลือจริงๆพี่ก็ไหวแค่มุมเล็กๆเท่านั้นเอง คือพี่ไม่สามารถช่วยเหลือทุกคนได้ มันอาจจะเป็นแค่กรณีบางเคสที่พี่คลิกกับเขาเท่านั้นเอง ไม่ได้หมายความว่าพี่จะช่วยเหลือทุกคนได้อันนั้นก็ไม่ไหวเพราะอันนี้มันคือทุนทรัพย์ของพี่เอง พี่ไม่ได้เป็นมูลนิธิ พี่ไม่ได้มีเงินบริจาค พี่เอาเงินจากการทำงานของพี่นี่แหละ ก็ช่วยเหลือน้องเขา“
