กลายเป็นเรื่องราวที่ถกเถียงสนั่นโซเชียลเลยทีเดียว หลังจากที่ “แบม ไพลิน” นักร้องอีสานชื่อดัง ได้ปล่อยภาพเซตเตรียมตัวลงประกวดเวทีมิสยูนิเวิร์สขอนแก่น ซึ่งทำเอาหลายคนกลัวว่ากระแสข่าวฉาวของเธอที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ จะทำให้ส่งผลกระทบกับการลงประกวดครั้งนี้

ล่าสุดในงานประกาศรางวัลคมชัดลึก อวอร์ด ครั้งที่ 21 “เฮียหน่อย หมอลำไอดอล” ได้เผยถึงการขึ้นแท่นชิมลางเป็น PD MUT ขอนแก่น ซึ่งเจ้าตัวได้ตอบคำถามเกี่ยวกับกระแสของ แบม ไพลิน รวมถึงดีใจที่ได้เป็นกาวใจให้ “ณวัฒน์-ประจักษ์ชัย” จับมือร่วมทำโปรเจกต์ใหม่ด้วยกัน โดยเฮียหน่อยเผยว่า

“ตอนนี้กระแสมาแรงมากเลย สำหรับ “แบม ไพริน” ที่เตรียมตัวลงประกวด MUT ขอนแก่น ก็ดีใจครับ อย่างที่บอกเราอยากได้อะไรที่เป็นตัวของตัวเอง ผมมองว่าน้องเข้าทางผม ทุกคนจะรู้ว่าผมทำหมอลำก็จะมีความเป็นทั้งหมอลำและลูกทุ่ง ผมมองว่าผมสามารถดึงศักยภาพน้องมาทำให้เป็นที่โดดเด่นได้ อย่างน้อยติดๆ น้องอาม ชุติมา ก็ดีใจแล้วครับ แต่เรื่องของน้องแบมก็มีดราม่าด้วย ซึ่งเรื่องพวกนี้สุดท้ายแล้วน้องต้องพิสูจน์ตัวเอง เอาคุณภาพเอาสิ่งที่เป็นผลงานมาพิสูจน์ เพราะสุดท้ายผมก็ยังยืนยันว่าผมเป็นคนที่ยึดผลงานเป็นตัวตั้ง เพราะคนเราต้องใช้ผลงาน ส่วนเรื่องส่วนตัวเดี๋ยวเราค่อยว่ากันอีกที ซึ่งเราเจอเหตุการณ์แบบนี้มีหลายๆ ครั้งไม่ว่าจะวงหมอลำหรือวงการบันเทิง ผมว่าไม่น่าจะยากเกินไปที่เราจะสามารถทำให้เขาเข้าใจทั้งคนดูและตัวน้องเอง ที่จะทำให้สังคมเข้าใจได้คือมันคือชีวิต ชีวิตเราเกิดมาต้องสู้ ส่วนคุณสมบัติของน้องแบม ถ้าถามผม ผมคิดว่าครบตามสิ่งที่บอสณวัฒน์ต้องการ เพราะว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นใครก็ช่าง ชายหรือหญิงหรือเพศไหนก็ต้องยืนด้วยเท้าตัวเองให้ได้ นี่คือจุดหลักของการที่เราเฟ้นหาคนที่สามารถดูแลตัวเองแล้วก็ใช้ชีวิตต่อในสังคมได้ ถ้าเขาผ่านไปได้เขาเจ๋งมากเลยนะในมุมผม

ส่วนในเรื่องของนางงาม ก็เป็นสิ่งใหม่และมันก็สนุกครับ เพราะว่าเวลาเราทำอะไรใหม่ๆ มันทำให้เราได้ต่อยอดและคิดเพิ่ม สุดท้ายจะใหม่หรือเก่ามันก็นำไปต่อยอดทั้งเก่าและใหม่หมดเลย นั่นเป็นสิ่งที่เราไม่เบื่อ ถามว่ากลัวไหมเพราะว่าคนอื่นเขามีประสบการณ์มากมาย ผมไม่ได้มีเป้าหมายเหมือนคนอื่น เราไม่ได้มองว่าจะต้องมง แต่ถ้าได้ก็ดีใจมาก แต่สุดท้ายแล้วเป้าหมายเราคือทำคนคนหนึ่งให้มีคุณค่าและทำให้เขาเป็นตัวอย่างให้ได้ อันนี้คือสิ่งที่เราอยากให้เป็นมากกว่า

ย้อนกลับไปเรื่องของกระแสด้านลบของน้องแบม ไพลิน ถามว่าไม่กลัวมีผลกระทบกับเวทีเราเหรอ ผมว่าในมุมของผมตัวผมเองก็เคยผิดพลาดเหมือนกัน ใดๆ ก็ช่างทุกคนมีเหตุผลของตัวเอง แต่สุดท้ายแล้วถ้าเราคุยกันแล้วเจอตรงกลางแต่เอาคุณภาพเอาผลงานเป็นตัวตั้งผมว่ามันน่าจะจบ ซึ่งผมมักจะเอาความกังวลมาเป็นแรงผลักดันมากกว่า แล้วข่าวของน้องที่ผ่านมา ผมคิดว่าข่าวมันจริงไม่เต็ม 100 ไม่ได้ชัดแท้ทั้งหมด เพราะว่าทุกคนมีเหตุผลของตัวเองทั้งหมด เพราะในทุกเหตุการณ์ไม่มีคนผิดฝ่ายเดียวแน่นอน สุดท้ายก่อนจะไปถึงตรงนั้นเราก็ต้องคุยกัน ปรับมุมมองและคิดไปในทางเดียวกัน ถ้าเกิดเห็นเหมือนกันมองในทางเดียวกันมันถึงฝั่งอยู่แล้ว”


เฮียหน่อย เผยต่อว่า “สำหรับเรื่องโปรเจกต์ไม่รู้ว่าพูดได้ไหม คือมันอยู่ในกระบวนการ ต้องขอบคุณสื่อทุกคน ที่บอกว่าให้เฮียหน่อยมาเป็นกาวใจให้กับณวัฒน์และประจักษ์ชัย ผมก็เลยถือโอกาสไปคุยกันกับทั้งสองฝ่าย ซึ่งพอไปคุยแล้วมันก็เลยเกิดความรู้สึกที่มาจับมือทำนู่นทำนี่ด้วยกันไหม ซึ่งตอนนี้อยู่ในกระบวนการที่คุยกันอยู่ว่าจะจับวันไหนหรือจะทำรูปแบบไหน ที่จะทำให้คนส่วนมากให้ลูกทุ่งและหมอลำเป็นที่รู้จักมากขึ้น ซึ่งอันนี้คือโจทย์หลักที่เกิดงานนี้ขึ้นมา กับบอสณวัฒน์ นายห้างประจักษ์ชัย และเฮียหน่อยหมอลำไอดอล คือจับมือกันทำให้วงการหมอลำหรือวงการลูกทุ่งไปอีกสเต็ปหนึ่ง คืออยากจะเอานางงาม หมอลำและลูกทุ่งมาเพิ่มทาร์เก็ตเพราะคนชมเป็นกลุ่มเดียวกันหมด เราอยากจะทำให้กลุ่มเดียวกันรักกันมากขึ้นและมองเห็นว่าวัฒนธรรมไทยของเราเนี่ยมันสุดยอดมากขึ้น ซึ่งโปรเจกต์ครั้งนี้ตั้งใจว่าจะแถลงข่าวในวันที่ 4 มิถุนายน แต่ว่าไม่รู้ว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไหม

ในส่วนข่าวลือว่า “แม่เป้า รัศมี” จะออกจากวงการหมอลำ จริงๆ คือเราอยู่วงการหมอลำมา 5 ปี เรื่องแบบนี้มันเกิดทุกปี ก็อยากจะพูดกับทุกวงเลยว่า สิ่งนี้แหละก็เป็นส่วนหนึ่งที่ดึงรั้งทำให้วงการหมอลำไปไหนยากเหมือนกัน เพราะว่าหัวหน้าบอกทุกคนพอจะจบฤดูกาลก็ต้องมานั่งเครียดว่าลูกน้องจะอยู่ไหม ศิลปินจะอยู่ไหม ส่วนตัวผมเองกับบอสโน๊ตชัดเจนมากเลยครับ คือเราใช้ใจเราทำเต็มที่ ถ้าเกิดมันเกิดปัญหาแล้วเขามาบอกว่าปัญหาคืออะไร เราช่วยเราเคลียร์หรือเราอยู่ตรงกลางได้ก็ไปต่อ แต่สุดท้ายเราเคารพการตัดสินใจของทุกคน เราอยากให้ทุกคนอยู่กับเราทำงานด้วยกันด้วยความสุข โดยมีความสุขเป็นตัวตั้ง ถามว่าทุกข์ไหมก็ทุกข์ เพราะว่าการเปลี่ยนแปลงมันเหนื่อยมากกับการที่เราทำอะไรขึ้นมา จริงๆ ส่วนตัวผม ผมคิดว่ามันเป็นข่าวที่ลือขึ้นมา เพราะคุยกับแม่เป้าแล้วก็ไม่มีอาการอะไร แล้วจริงๆ แม่ไม่ได้อยู่วงการหมอลำมาหลายปีมากแล้ว และผมชวนแม่มาทำเพลง “ดาราคืนเดียว” แล้วแม่ก็กลับมา ซึ่งแม่บอกว่าถ้าเฮียหน่อยไปไหน แม่ไปด้วย ผมก็ยังเชื่อว่าแม่ก็คงยังศรัทธาในวิสัยทัศน์ที่ผมกับบอสโน๊ตจะบริหารวงให้แม่ได้มีความสุขต่อไป
คือผมอยู่กับธรรมะอยู่แล้วการเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องปกติ ถ้ามันไม่เปลี่ยนแปลงนี่สิมันไม่ใช่ธรรมชาติ แต่สุดท้ายถ้ามันจริงเราทำได้แค่ยื้อว่าจะเป็นยังไงและตรงกลางเป็นยังไง ถ้าเหตุผลมันไม่ตรงกันเขามีอะไรที่มันหนักกว่าเราก็ต้องทำใจ แต่ผมก็ยังเชื่อมั่นว่ามันคงยังไม่เกิดขึ้น”
