นายวรเนติ หล้าพระบาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เวียตเจ็ทไทยแลนด์ เปิดเผยว่า เวียตเจ็ทไทยแลนด์ รับมอบบันทึกข้อตกลงการโอนเครื่องบินโบอิ้ง 737-8 จำนวน 50 ลำ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคำสั่งซื้อรวม 200 ลำ โดยเวียตเจ็ท กรุ๊ป นับเป็นก้าวสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมการบินของประเทศไทย ตอกย้ำพันธกิจของสายการบินฯ ในการขยายการดำเนินงานอย่างแข็งแกร่ง และยั่งยืน พร้อมยกระดับศักยภาพการให้บริการ เพื่อรองรับการเติบโตอย่างมั่นคงในอนาคตให้แก่อุตสาหกรรมการบินของประเทศไทย โดยพิธีส่งมอบจัดขึ้น ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ได้รับเกียรติจาก นายฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมในโอกาสการเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการ

นายวรเนติ กล่าวต่อว่า สำหรับเครื่องบินโบอิ้ง 737-8 รุ่นใหม่ มาพร้อมเครื่องยนต์ CFM International LEAP-1B ซึ่งมีประสิทธิภาพในการประหยัดเชื้อเพลิงสูง และสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 16% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า สอดคล้องกับพันธกิจของเวียตเจ็ทไทยแลนด์ ในการดำเนินงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ เครื่องบินรุ่นดังกล่าวยังสามารถทำการบินในระยะทางไกลได้ถึง 6,570 กิโลเมตร เพิ่มความยืดหยุ่นในการขยายเส้นทางบินระหว่างประเทศ พร้อมช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเส้นทางบินและเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นและประหยัดยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมอบความสะดวกสบายให้แก่ผู้โดยสารด้วยห้องโดยสารที่เงียบสงบ และบรรยากาศที่ผ่อนคลายตลอดการเดินทาง

การเสริมฝูงบินด้วยเครื่องบินรุ่นใหม่ที่บินได้ไกลขึ้น ประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น และมอบความสะดวกสบายที่เหนือกว่าให้แก่ผู้โดยสาร ช่วยยกระดับศักยภาพของเวียตเจ็ทไทยแลนด์ ในการเสริมความแข็งแกร่งของเครือข่ายเส้นทางบินภายในประเทศ รวมทั้งเพิ่มความถี่และขยายเครือข่ายเส้นทางบินระหว่างประเทศ โดยเฉพาะเส้นทางยอดนิยมของชาวไทย ซึ่งภายในปี 2568 จะเปิดเส้นทางบินใหม่ สู่เวียดนาม ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอินเดีย ภายในปีนี้ พร้อมกันนี้เครื่องบินลำใหม่ยังรองรับการเพิ่มเที่ยวบิน และเปิดเส้นทางบินเพิ่มเติมระหว่างประเทศไทย และเวียดนาม อย่างไรก็ตาม เวียตเจ็ทไทยแลนด์เตรียมนำเครื่องบินโบอิ้ง 737-8 จำนวน 50 ลำ เข้าประจำการภายในปีนี้ จะช่วยสร้างโอกาสการจ้างงานใหม่มากกว่า 5,000 ตำแหน่ง ให้กับเวียตเจ็ทไทยแลนด์ เพื่อรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนของสายการบินฯ ในระยะยาว

นายวรเนติ กล่าวอีกว่า นับตั้งแต่เริ่มให้บริการในประเทศไทย เวียตเจ็ทไทยแลนด์ให้บริการผู้โดยสารมากกว่า 30 ล้านคน ครอบคลุมเครือข่ายการบินทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ ฝูงบินใหม่ที่จะเข้าประจำการจะช่วยเพิ่มจำนวนที่นั่ง รองรับผู้โดยสารที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 100 ล้านคน ภายใน 5 ปีข้างหน้า ซึ่งจะสนับสนุนการท่องเที่ยว การเติบโตทางเศรษฐกิจ และการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การขยายเส้นทางบินยังช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทาง และเชื่อมโยงประเทศไทยกับจุดหมายปลายทางสำคัญทั่วโลก ตอกย้ำบทบาทของเวียตเจ็ทไทยแลนด์ในฐานะสายการบินชั้นนำยุคใหม่ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง