เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 68 นายปกรณ์ จีนาคำ สส.แม่ฮ่องสอน เขต 1 พรรคกล้าธรรม (กธ.) เปิดเผยว่า ตนได้ลงพื้นที่พบปะกลุ่มตัวแทนผู้ปลูกกระเทียม และผู้ค้ากระเทียม ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาราคากระเทียมตกต่ำ เพื่อประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหาระยะสั้น และระยะยาว โดยเสียงสะท้อนจากเกษตรกรในพื้นที่ ต้องการให้รัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ช่วยเหลือด่วน เนื่องจากกระเทียมสายน้ำแร่ของไทย คุณภาพดี แต่ขายไม่ออก เพราะถูกกระเทียมจีน ราคาถูกและปอกง่าย เข้าแทรกแซงตลาด ผู้บริโภคหันไปทานกันมากขึ้น ซึ่งต้นทุนในการปลูกกระเทียมอยู่ที่ประมาณกิโลกรัมละ 50 บาท แต่ปัจจุบันกระเทียมขายได้แค่ 22-30 บาทต่อกิโลกรัมเท่านั้น เกษตรกรบางรายจำใจต้องขาย ถึงแม้รู้ว่าจะขาดทุน

สส.แม่ฮ่องสอน กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ พ่อค้าคนกลางยังหายจากพื้นที่ ไม่มีการรับซื้อเหมือนปีก่อน ๆ เกษตรกรจึงต้องเก็บกระเทียมไว้ในโกดัง หวังรอวันที่มีคนมาซื้อ ซึ่งผลผลิตในปีนี้ลดลงกว่าร้อยละ 30 ปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้จึงไม่ได้มาจากปัญหากระเทียมล้นตลาด วันนี้เกษตรกรขอเพียงขายได้ที่กิโลกรัมละ 60 บาท เพื่ออยู่รอด พอใจแค่กำไร 10 บาทเท่านั้น

“ผมขอให้รัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ เร่งผลักดันราคากระเทียมรวมถึงสินค้าเกษตรชนิดอื่น ๆ และแก้ปัญหากระเทียมขายไม่ได้ ด้วยการเร่งประสานผู้ประกอบการ และเข้าไปดำเนินการรับซื้อผลผลิตถึงแหล่งปลูกโดยไม่ต้องอาศัยพ่อค้าคนกลาง เพื่อเกษตรกรจะได้กระจายผลผลิตไปได้บ้าง ในเรื่องนี้ขอให้กรมการค้าภายในให้ความสำคัญกับเกษตรกรด้วย ดูแลราคากระเทียมให้มีเสถียรภาพ ก่อนที่กระเทียมพันธุ์ดีของไทยจะสูญหายไปจากตลาด“ นายปกรณ์ กล่าว.