โมชิโมชิ..ทักทายแฟนๆ “บันเทิงเดิลินิวส์” ที่น่ารักทุกคน เรากลับมาพบกันในวันศุกร์ทุกสัปดาห์แบบนี้ เหยี่ยวข่าวข่าวผู้แพรวพราวของวงการอย่าง “นูน่าเมี้ยน” ก็ขนมาพร้อมความเอ็กซ์คลูซีฟแบบจัดเต็มเพื่อแฟนๆ ทุกคน แต่สัปดาห์นี้นูน่าไม่ได้พามาอัปเดตเรื่องราวของวงการบันเทิง K-Pop นักแสดง ไอดอลเกาหลีในรอบสัปดาห์นะคะ ขออนุญาตพักหนึ่งสัปดาห์ เพราะวันนี้นูน่าขอมารับจ๊อบพิเศษกับคอสัมน์ “เอเชี่ยนสตาร์” แหล่งพื้นที่ความพิเศษ ความเอ็กซ์คลูซีฟของวงการบันเทิงทั่วทั้งเอเชีย โดยสัปดาห์นี้ขอเอาใจแฟนๆ แดนปลาดิบกับเรื่องราวของสองนักแสดงหนุ่มขวัญใจแฟนๆ “ฟุรุยะ โรบิน” (Furuya Robin) และ “ฮาเซกาวะ มาโกโตะ” (Hasegawa Makoto) จากซีรีส์สุดโรแมนติก “Love is Better the Second Time Around” ที่เดินทางมามอบความรัก ความอบอุ่น และความทรงจำสุดพิเศษ ให้แฟนๆ ชาวไทยอย่างใกล้ชิดในงาน “MAKOTO&ROBIN Fan Meeting in Bangkok – Love is better the second time around” โดยผู้จักมากฝีมืออย่าง “Now to Nice Entertainment”

โดย “ฟุรุยะ โรบิน” เริ่มต้นอาชีพวงการบันเทิงในฐานะนายแบบ และได้เข้าสู่วงการแสดงโดยมีผลงานที่เป็นที่รู้จักในซีรีส์ “Kamen Rider Saber” (2020-2021) รับบทเป็นKamen Rider Storious uaglu นอกจากนี้เขายังมีผลงานในซีรีส์ต่าง ๆ เช่น “VIVANT” (2023), “Nice Flight!” (2022) และ “Love is Better the Second Time Around” (2024) และเขาไม่เพียงแต่เป็นนักแสดงและนายแบบที่มีชื่อเสียงในญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังเป็นช่างภาพที่มีผลงานโดดเด่นอีกด้วย โรบินได้ร่วมงานกับแบรนด์แฟชั่นระดับโลก ซึ่งเขาได้ถ่ายภาพนักแสดงหญิง Ayaka Miyoshi ในโปรเจกต์ที่เน้นความงาม และความเปราะบางในภาพถ่าย และเขายังได้ได้สร้างสรรค์ผลงานโฟโต้บุ๊คที่น่าสนใจหลายเล่ม ซึ่งสะท้อนถึงมุมมองและความคิดสร้างสรรค์ของเขาในฐานะช่างภาพ และนักแสดงอีกด้วย

ทางด้าน “ฮาเซกาวะ มาโกโตะ” เข้าสู่เส้นทางในวงการบันเทิงในปี 2014 โดยมาโกโตะได้เข้าร่วมการออดิชั่นโปรเจ็กต์ “GLOBAL JAPAN CHALLENGE” ซึ่งเป็นโปรเจ็กต์ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างศิลปินญี่ปุ่นที่มีความสามารถที่จะโปรโมตได้ในระดับโลก และก็ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของ “THE RAMPAGE” พร้อมเดบิวต์ด้วยซิงเกิล “Lightning” เมื่อเดือนมกราคม 2017 นอกจากนี้มาโกโตะยังมีความสนใจในด้านการแสดง โดยเริ่มต้นกับละครโทรทัศน์เรื่อง “PRINCE OF LEGEND” (2018) และมีผลงานต่อเนื่องในละครและภาพยนตร์หลายเรื่องเช่น “Shujinkou” (2019), “HiGH & LOW THE WORST X” (2022) และซีรีส์ “Love Is Better the Second Time Around” (2024)

สำหรับงานแฟนมีตติ้ง “MAKOTO&ROBIN Fan Meeting in Bangkok – Love is better the second time around” ที่ผ่าน โรบิน และ มาโกโตะ ต่างก็ได้มอบช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่นให้กับแฟนๆ ทุกคนที่มาร่วมงาน โดยเริ่มจากที่ได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างใกล้ชิดไปอย่างเต็มอิ่มกับงานแจกลายเซ็น (Fansign) สุดอบอุ่น และได้เติมเต็มความสุขอย่างต่อเนื่องร่วมกับแฟนๆ ในงานแฟนมีตติ้ง (Fan Meeting) ที่ทั้งคู่ ได้รับการตอบรับที่ดีมากๆ จากแฟนๆจนทำให้แฮชแท็กของงานอย่าง #Makoto_RobinFMinBKK สามารถขึ้นไปอยู่ในเทรนด์เอ็กซ์ของประเทศไทยเลยทีเดียว และแน่นอนงานแฟนมีตติ้งสุดพิเศษแบบนี้ “นูน่าเมี้ยน” ก็ไม่พลาดที่จะคว้าตัว “โรบิน” และ “มาโกโตะ” มาสัมภาษณ์แบบเอ็กซ์คลูซีฟ โดยทั้ง 2 หนุ่มก็ได้พูดคุยแบบเป็นเองสุดๆ พร้อมทั้งเผยถึงความตื่นที่ได้มาพบเจอแฟนคลับชาวไทยด้วยกัน 2 คนครั้งแรก เรื่องราวผลงานที่ผ่านมา ความประทับใจในตัวกันและกัน และเล่าเรื่องความเป็นตัวตนที่ใครหลายคนได้อ่านแล้วจะรู้จักตัวตนของเขาทั้งคู่ และตกหลุมรักอย่างแน่นอน เอาเป็นว่าถ้าใครพร้อมแล้ว มาอ่านบทสัมภาษณ์ที่นูน่าเอามาฝากกันค่ะ!.

ทักทายแฟนๆ สักหน่อย?
มาโกโตะ : “สวัสดีครับ ผมชื่อมาโกโตะครับ”
โรบิน : “สวัสดีครับ ผมชื่อโรบินครับ”
เดินทางมาประเทศไทยครั้งนี้มีความพิเศษมากๆ ได้มีโอกาสมาจัดแฟนมีตติ้ง ตื่นเต้นมากขนาดไหน?
มาโกโตะ : “ปกติพวกผมจะทำกิจกรรมอยู่ที่ญี่ปุ่นตลอดเลย และถึงพวกเราจะอยู่ที่อยู่ที่ญี่ปุ่น แต่ยังมีแฟนคลับชาวไทยคอยส่งกำลังใจมาให้เป็นประจำเลย ทำรู้สึกดีใจมากที่ในที่สุดก็ได้มาหาทุกคนแล้วครับ”
แฮปปี้ขนาดไหนที่แฟนๆให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นมาก ตื่นเต้นมั้ยที่ได้เจอแฟนๆ?
โรบิน : “ผมมีความสุขมากเลยครับ”
มาโกโตะ : “ผมว่าค่อนข้างจะผ่อนคลายมากกว่าครับ”
คาดหวังยังไงกับแฟนมีตติ้งในประเทศไทยครั้งนี้?
มาโกโตะ : “ผมดีใจครับที่ในที่สุดก็จะได้เจอแฟนคลับของตัวเองแบบจริงๆ แล้ว ทำให้ผมก็อยากรู้ว่าแฟนคลับจะส่งความรักมาให้ผมได้มากเท่าไหร่ครับ”
โรบิน : “ส่วนผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าผมจะสามารถส่งความรักกลับไปให้แฟนๆ ได้มากเท่าไหร่เหมือนกันครับ”

มีความพิเศษอะไรมาฝากแฟนๆในแฟนมีตติ้งครั้งนี้?
มาโกโตะ : “ก็จะเป็นเรื่องราวที่ผมไปถ่ายทำกัน จริงๆ ผมเตรียมมาเยอะมากๆ เลยครับ”
โรบิน : “(สปอยด์หน่อยได้มั้ย?) มีอะไรบ้างนะ”
มาโกโตะ : “ไม่รู้เหมือนกันครับ (หัวเราะ)”
โรบิน : “เอาเป็นว่าไปรอดูกันเองดีกว่าครับ (ยิ้ม)”
หลังจากจบแฟนมีตติ้งในประเทศไทยแล้ว จะมีความพิเศษอะไรให้เป็นแฟนๆ ได้รอติดตามอีกบ้างมั้ย?
มาโกโตะ : “สำหรับงานคู่ตอนนี้น่าจะยังไม่มีครับ”
โรบิน : “คือตอนนี้น่าจะยังไม่มีนะครับ แต่หลังจากนี้ถ้ามีงานคู่ 2 คนอีกก็คงจะดีครับ ส่วนตัวผมอยากจะไปดูการแสดงสดของคุณมาโกโตะครับ ผมชอบการแสดงโชว์ของคุณมาโกโตะมาก ก่อนหน้านี้ผมไปดูโชว์ของคุณมาโกโตะที่ไซตามะ ซุปเปอร์อารีน่ามา ผมรู้สึกว่าสนุกมากเพราะได้เห็นอีกด้านหนึ่งที่เป็นด้านศิลปิน ไม่ใช่ด้านนักแสดงของคุณมาโกโตะครับ”

หลายๆ คนประทับใจในการทำงานของทั้ง 2 คนมาก แล้วแต่ละคนประทับใจด้านไหนของกันและกันบ้าง?
มาโกโตะ : “สำหรับผมรู้สึกว่าการถ่ายทำเวลามันค่อนข้างกระชั้นชิดมากเลยครับ ตัวบทละครของผมมันค่อนข้างที่จะยาว มีหลายเรื่องที่เวลาถ่ายทำจริงแล้วผมทำจะไม่ได้ บ้างครั้งก็จำบทไม่ได้ แต่ว่าทุกครั้งคุณโรบินก็จะคอยดึงอารมณ์ผมไว้ และคอยปลอบบอกว่าไม่เป็นไรนะ ทำให้ผมรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ใจดีมาก และในตลอดช่วงถ่ายทำก็รู้สึกว่าเขาเป็นคนใจดีมาตลอดเลยครับ”
โรบิน : “จริงๆ ผมก็รู้สึกเหมือนกับคุณมาโกโตะนะครับ แต่ว่ามันจะมีหลายซีนที่ผมรู้สึกว่าเพราะได้ถ่ายทำกับคุณมาโกโตะ จึงทำเกิดซีนแบบนี้ขึ้นมาได้ หรือว่าบางทีก็รู้สึกว่าดีจังเลยที่ตอนถ่ายอยู่ก็รู้สึกว่าดีจังเลยที่คนคนนี้เป็นคุณมาโกโตะครับ”
หลายคนชอบเคมีความเป็นตัวเองของทั้งคู่มาก คุณคิดว่าความเป็นตัวเองด้านไหนที่ทำให้แฟนๆ ประทับใจ?
โรบิน : “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ(ยิ้ม) กลับกันถ้าแฟนๆ ประทับใจ ผมก็คงดีใจครับ”
เมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทยแล้ว มีความแตกต่างอะไรจากที่เคยคิดไว้ไหม?
มาโกโตะ : “คือจริงๆ ตั้งแต่ก่อนที่ผมจะมา ผมดีใจมากที่จะมีงานแฟนมีตติ้งครั้งนี้เกิดขึ้น และพอเดินทางมาถึงประเทศไทยผมรู้สึกว่ามันเป็นบรรยากาศที่แตกต่างจากญี่ปุ่น แต่ก็เป็นบรรยากาศที่ผมรู้สึกว่ามันทำให้ผมได้ผ่อนคลายครับ และพวกผมก็ได้ไปทานข้าวมาด้วย ก็เลยรู้สึกว่าเหมือนได้มาเที่ยวประเทศไทยได้เต็มที่เลย และรู้สึกดีใจที่ได้มาประเทศไทยครับ”
โรบิน : “จริงๆ แล้วซีรีส์ของพวกเราถ่ายทำกันมาตั้งแต่ช่วงหนึ่งปีที่แล้วแล้ว ผมก็ไม่คิดว่าซีรีส์จะได้รับผลตอบรับดีมากขนาดนี้ ขนาดที่เราจะได้มาจัดงานแฟนมีตติ้งที่ไทยแบบนี้ และตอนที่พวกเรานั่งเครื่องบินมาด้วยกัน ผมก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย แต่ก็มีคุณมาโกโตะนั่งอยู่ข้างหลังผมครับ ซึ่งมันมีจังหวะหนึ่งที่ผมหันหลังกลับไป และเห็นคุณมาโกโตะตอนกำลังนอนอยู่ ผมรู้สึกว่าเหมือนตอนที่พวกเรากำลังถ่ายทำซีรีส์เลยครับ พอผมหันไปเห็นแบบนี้ผมก็เลยรู้สึกว่าคงไม่เป็นไรแล้วแหละครับ”

ไปทานอาหารไทยมาแล้วเป็นอย่างไรบ้าง?
มาโกโตะ : “ผมทานข้าวกระเพรา ผัดไทย แกงเขียวหวาน เบียร์ครับ”
โรบิน : “แล้วก็ได้ไปไนท์มาร์เก็ต (ตลาดนัดกลางคืน) และดื่มเบียร์คราฟท์ท้องถิ่นด้วยครับ”
มาโกโตะ: “ผมรู้สึกแค่วันเดียว ก็เหมือนว่าจะได้กินอาหารไทยครบทุกอย่างแล้วครับ”
โรบิน: “จริงๆ แล้วก่อนที่ผมจะทานอาหาร ผมได้ถามคุณมาโกโตะแล้วว่ามีอะไรแนะนำไหม เพราะคุณมาโกโตะค่อนข้างที่จะมาไทยบ่อย เขาแนะนำข้าวกระเพราให้กับผม พอผมได้ลองทานแล้ว ผมก็รู้สึกว่าพอใจแล้วครับ”
ถ้าเปรียบเทียบแฟนๆ ชาวไทยให้เป็นอาหารญี่ปุ่น คุณอยากจะเปรียบเทียบเป็นอะไร?
มาโกโตะ : “ยากจังเลยครับ ผมให้เป็นซูชิครับ เพราะว่า ซูชิมีหลายหน้า แฟนคลับมีลักษณะแตกต่างกันไป พอมาอยู่รวมกันก็เลยเหมือนซูชิครับ”
โรบิน : “แต่ว่าราเม็งก็เหมือนมั้ย?”
มาโกโตะ : “ใช่ครับ ตอนแรกผมก็ลังเลระหว่างซูชิกับราเม็ง เพราะว่าราเม็งมันร้อน ก็เหมือนแฟนคลับชาวไทยที่ร้อนแรงครับ เลยตกลงกันว่าเลือกเป็นราเม็งแทนแล้วกันครับ”
สุดท้ายฝากถึงแฟนๆ ชาวไทยที่คอยซัพพอร์ตสักหน่อย?
มาโกโตะ : “ขอบคุณแฟนๆ สำหรับความรักที่มีให้พวกเรามาตลอดเลยนะครับ และขอบคุณที่รักผลงานนี้ของพวกผมด้วย ผมอยากจะส่งความรักให้กับทุกคนเยอะๆ เลยในงานนี้ อยากจะส่งให้เป็นร้อยเท่าเลยในงานนี้ เพราะฉะนั้นอยากให้ทุกคนตั้งหน้าตั้งตารองานนี้ด้วยนะครับ”

บอกเลยว่าบทสัมภาษณ์ในครั้งนี้ของ “โรบิน” และ “มาโกโตะ” นั้นตลบอบอวลไปด้วยความน่ารัก และความเป็นกันเองสุดๆ ถ้าแฟนๆ ได้อ่านก็จะยิ่งต้องตกหลุมรักพวกเขาแบบถอนตัวไม่ขึ้นอย่างแน่นอน เพราะตลอดการสัมภาษณ์ทั้ง 2 หนุ่มสร้างหัวเราะ และทำให้นูน่าก็ไม่สามารถหุบยิ้มได้เลย นอกจากนี้มีสิ่งหนึ่งที่นูน่าสัมผัสก็ได้คือ “ความรัก” ของทั้ง 2 คนที่มีต่อแฟนๆ ชาวไทย แม้ “โอกาส” ที่ได้เจอกันจะมีไม่มาก แต่พวกเขาก็ตั้งใจเก็บความรัก ความอบอุ่นให้สุกงอม ก่อนที่พกมามอบให้ทุกคนอย่างเต็มในห้วงเวลาแห่งความทรงจำที่ดีแบบนี้ และนูน่าเชื่อว่าการเจอกันครั้งนี้ ไม่ใช่ “จุดสิ้นสุดการรอคอย” แต่มันเป็น “จุดเริ่มต้นการรอคอยอีกครั้ง” และกว่าจะพบกันใหม่ ทุกคนต้องมีสุขภาพที่ดี และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในทุกๆ วัน ขอบคุณ “โรบิน–มาโกโตะ” ที่ข้ามน้ำข้ามทะเลกว่าหลายพันกิโลเมตร เพื่อมาสร้างความทรงจำอันแสนงดงามด้วยกันนะ!.
คอลัมน์ “SeoulStation”
โดย “นูน่าเมี้ยน”