เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. แฟนเพจเฟซบุ๊ก “อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6” แชร์เรื่องราวผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ที่มาแชร์ประสบการณ์พูดตักเตือนในโรงภาพยนตร์ ทำให้เกิดเรื่อง ถึงขั้นคู่กรณีจะทำร้ายร่างกาย เหตุเกิดที่โรงหนังแห่งหนึ่ง จ.ภูเก็ต 16.30 น. วันที่ 1 มิ.ย.
ผู้ร้องเรียนระบุใจความว่า ต้นเหตุมาจากเธอและแฟนดูหนังอยู่ โดยนั่งอยู่โซฟาคู่หลังสุด คู่กรณีและลูกคู่กรณีนั่งอยู่โซฟาคู่ข้างล่างถัดไปแค่แถวเดียว ตอนนั้นหนังกำลังฉาย แต่ครอบครัวปล่อยให้เด็ก 2 คน นั่งกันตามลำพังอีกโซฟา เด็กคุยกันเสียงดังหลายครั้ง และเด็กได้มีการเดินออกจากโรงภาพยนตร์ไปซื้อขนมทั้ง ๆ ที่หนังกำลังฉาย เด็กมีการเดินไปมาระหว่างโซฟาของผู้ปกครอง และที่ตัวเด็กนั่งอยู่หลายครั้ง แกะถุงขนมเสียงดัง กินขนมกันเสียงดัง เพราะตอนนั้นได้ยินเสียงถุงขนมหลายครั้ง
เธอจึงพูดตักเตือนว่า “อย่าเสียงดังค่ะ” ซึ่งเราจะไม่พูดเลย แต่นี่เสียงดังมาตลอดตั้งแต่เริ่มเรื่อง จนหมดความอดทน ก็ตักเตือนไป เด็กก็เงียบไม่เสียงดังอีก ก็ดูหนังต่อไป
ต่อมาหนังใกล้จะจบ มีผู้ปกครองเด็กมาหาว่าใครเป็นคนด่าน้อง เราก็ไม่ได้สนใจ เพราะเราพูดจบไปนานแล้ว คิดว่าอาจเป็นคนอื่นอีกที่ตักเตือนน้อง ผู้ปกครองก็พาเด็กออกไปก่อนหนังจบ (พูดก่อนว่าทางคู่กรณีคิดว่าเราไปด่าน้อง แต่จริง ๆ เราพูดตักเตือนในที่ของเราดี ๆ)
พอหนังจบเรากับแฟนก็เดินออกจากโรงภาพยนตร์ไปฝั่งเกมส์เซ็นเตอร์ ทางคู่กรณีหญิง (ผู้ปกครองเด็ก) ได้เดินปรี่เข้ามาหาว่า “คนนี้ใช่ไหมที่ด่าน้อง” เราบอกด่าว่าอะไร พูดดี ๆ มีหางเสียงด้วยซ้ำ แต่ทางคู่กรณีคงไม่พอใจ ไม่ยอมรับว่าเด็กเสียงดัง ก็เถียงว่าไม่ได้เสียงดัง จนคู่กรณีเริ่มคุมอารมณ์ไม่ได้ตะคอกเสียงใส่ โหวกเหวกเสียงดัง
ประเด็นอยู่ตรงนี้ ทางคู่กรณีบอกเด็กไม่ได้เสียงดัง แต่ทางเราพูดตักเตือนลอย ๆ ให้รู้ว่ามีคนเสียงดัง ไม่ได้ไปชี้หน้าด่าลูกคู่กรณี แต่คู่กรณีดันเดือดร้อนไม่พอใจ ทางเราเลยคิดว่าถ้าลูกคุณไม่ได้เสียงดังคุณจะร้อนตัวทำไมถูกไหมคะ แต่ที่ทำให้เราไม่โอเคคือคู่กรณีเอาคำว่าเด็กมาอ้าง ทั้ง ๆ ที่คุณควรจะดูแลให้ดี มารยาทในโรงภาพยนตร์ก็มีว่าอย่าเสียงดังรบกวนผู้อื่น มันเป็นพื้นที่ส่วนรวม คุณควรสอนน้อง ไม่ใช่ไม่พอใจที่คนอื่นมาพูดเตือน
พอเริ่มมีปากเสียงกันหนักขึ้น ทางนั้นจึงเดินปรี่เข้ามาจะตบเรา แต่ทางแฟนเราห้ามไว้ แต่เขาก็ไม่ยอม มือเขาเลยหลุดมาข่วนโดนแขนเรา กับกระชากผมเราไปนิดหน่อย แต่สุดท้ายยังไงคู่กรณีก็มีเจตนาจะทำร้ายฝ่ายเรา แต่ดีที่เราไม่เป็นอะไรมากก็แยกย้ายกันไป
หลังจากเกิดเหตุเราก็เข้าไปแจ้งความเลย เราคิดว่าเขาควรคิดนิดหนึ่ง ที่ไม่ใช่อยากเอาชนะโดยไม่ลืมหูลืมตาเลย เราพูดตักเตือนดี ๆ ไม่ได้ด่าเลย คือเอาง่าย ๆ คู่กรณีไม่ยอมรับอะไรเลย..