นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย กลับเข้าสู่สาธารณชนอีกครั้ง หลังจากลี้ภัยในต่างประเทศนานกว่า 17 ปี การกลับมาครั้งนี้นำไปสู่เหตุการณ์สำคัญหลายประการ ตั้งแต่การเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม การพักรักษาตัวในโรงพยาบาล การได้รับพระราชทานอภัยโทษ จนถึงการไต่สวนในศาลฎีกาฯ อีกครั้ง

การกลับประเทศไทยและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม (สิงหาคม 2566)

วันอังคารที่ 22 สิงหาคม 2566 เวลาประมาณ 09.00 น. ณ สนามบินดอนเมือง กรุงเทพมหานคร:

นายทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับถึงประเทศไทย ด้วยเครื่องบินส่วนตัว รุ่น Gulf stream G650-ER ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดของการลี้ภัยในต่างแดนนานถึง 17 ปี โดยบรรยากาศที่สนามบินดอนเมือง เต็มไปด้วยมวลชนคนเสื้อแดงจำนวนมาก ที่มารอให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น รวมถึงสมาชิกในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นบุตรสาว (แพทองธาร ชินวัตร, พินทองทา ชินวัตร), บุตรชาย (พานทองแท้ ชินวัตร), คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร และนายบรรณพจน์ ดามาพงษ์

ต่อเนื่องจากสนามบิน-ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการที่สนามบินดอนเมือง นายทักษิณ ถูกนำตัวไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองทันที โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายทักษิณขึ้นรถ พร้อมมีกองกำลังตำรวจคุมเข้มตลอดเส้นทางระหว่างพาไปที่ศาลฎีกาฯ สนามหลวง เพื่อฟังคำพิพากษา ศาลได้ใช้เวลา 30-45 นาที อ่านคำพิพากษา 3 คดีที่นายทักษิณถูกตัดสินจำคุกไปก่อนหน้านี้ โดยสรุปโทษจำคุกรวมทั้งสิ้น 8 ปี แบ่งโทษแยกเป็น คดีทุจริตที่ดินรัชดาภิเษก จำคุก 3 ปี, คดีหวยบนดิน จำคุก 2 ปี, คดีธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้กฤษดามหานคร จำคุก 3 ปี

จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ควบคุมตัวนายทักษิณออกจากศาลฎีกาฯ เพื่อนำไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อรับโทษตามกฎหมาย

คืนวันอังคารที่ 22 ส.ค. 66 จากเรือนจำ-เช้าวันพุธที่ 23 ส.ค. 66 สู่โรงพยาบาลตำรวจ พักรักษาตัว ภายใต้ข้อถกเถียงและการร้องเรียน (ส.ค. 66-ก.พ. 67)

หลังจากนายทักษิณเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ได้ไม่นาน (ประมาณ 13 ชั่วโมง) ในช่วงกลางดึก นายทักษิณถูกส่งตัวฉุกเฉินไปยังโรงพยาบาลตำรวจ เนื่องจากมีอาการป่วยหลายโรคที่เป็นโรคประจำตัวและรุนแรง เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท รวมถึงภาวะปอดอักเสบ ทั้งนี้ การย้ายตัวในดังกล่าว เป็นไปตามดุลพินิจของแพทย์เรือนจำและระเบียบกรมราชทัณฑ์ ที่ระบุว่าผู้ต้องขังที่ป่วยหนักสามารถส่งตัวไปรักษาภายนอกได้

อย่างไรก็ตาม นายทักษิณ พักรักษาตัวอยู่ที่ ชั้น 14 อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งเป็นชั้นที่ถูกจัดให้เป็นห้องพิเศษและมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด ซึ่งกลายเป็นประเด็นข่าวและข้อถกเถียงอย่างมากในวงกว้าง สาธารณชนและสื่อมวลชน ต่างตั้งคำถามถึงความรุนแรงของอาการป่วย และความจำเป็นที่ต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นเวลานานโดยไม่มีการเปิดเผยข้อมูลทางการแพทย์อย่างละเอียด และมีรายงานว่า สมาชิกในครอบครัวและบุคคลใกล้ชิด ได้เข้าเยี่ยมเป็นระยะตามระเบียบของโรงพยาบาล

อย่างไรก็ตาม การเข้าเยี่ยมของนักการเมืองและบุคคลสำคัญบางส่วน ก็เป็นประเด็นที่ถูกจับตาและวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งนี้มีการกางระเบียบราชทัณฑ์ การส่งผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ โดยทั่วไปจะอยู่ในช่วง 60-120 วัน แต่กรณีนายทักษิณ พักรักษาตัวนานกว่านั้น ทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับการเอื้อประโยชน์ รวมทั้งในช่วงที่นายทักษิณพักรักษาตัว มีการออกระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการคุมขังผู้ต้องขังนอกเรือนจำ ซึ่งถูกวิจารณ์ว่าอาจเป็นการเตรียมการเพื่อรองรับกรณีนายทักษิณ

กระทั่งเรื่องราวเริ่มบานปลาย จากการร้องเรียนและการตรวจสอบจากภาคส่วนต่างๆ เช่น กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) นำโดย นายพิชัย ไชยมงคล และนายอานนท์ กลิ่นแก้ว รวมถึงทนายนกเขา นายนิติธร ล้ำเหลือ ได้เคลื่อนไหวเรียกร้องให้ส่งตัวนายทักษิณกลับเรือนจำ และตรวจสอบความโปร่งใสของการรักษาพยาบาล มีการยื่นหนังสือและพยายามขอเข้าเยี่ยมเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง

สมาชิกรัฐสภา สส. และ สว. ฝ่ายค้านบางส่วน ได้ตั้งข้อสังเกตและเรียกร้องให้มีการตรวจสอบการบริหารจัดการของกรมราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจ โดยเฉพาะประเด็นการขยายเวลาการรักษาพยาบาล

คณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ได้เดินทางไป “ดูงาน” ที่โรงพยาบาลตำรวจ แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลผู้ป่วยโดยตรง โดยอ้างอิง พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

วันศุกร์ที่ 1 ก.ย. 66 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานอภัยลดโทษแก่นายทักษิณ ชินวัตร จากโทษจำคุก 8 ปี เหลือโทษจำคุก 1 ปี โดยมีผลบังคับใช้ทันที

วันเสาร์ที่ 17 ก.พ. 67 เวลาประมาณ 06.09 น. นายทักษิณ ชินวัตร ได้รับการปล่อยตัวจากโรงพยาบาลตำรวจ (ชั้น 14) เพื่อไปพักโทษที่บ้านพัก โดยเข้าเกณฑ์พักโทษกรณีพิเศษจากการเป็นผู้ป่วยสูงอายุและมีอาการเจ็บป่วยร้ายแรง และเดินทางออกจากโรงพยาบาลตำรวจด้วยรถยนต์ส่วนตัว พร้อมด้วย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาว เพื่อกลับไปยังบ้านจันทร์ส่องหล้า ถนนจรัญสนิทวงศ์ ซอย 69 เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นบ้านที่ไม่ได้อยู่อาศัยมานานกว่า 17 ปี

ทั้งนี้ สรุประยะเวลาพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ (ประมาณ 179 วัน หรือเกือบ 6 เดือน) ตั้งแต่ 23 ส.ค. 2566-17 ก.พ. 2567

ชีวิตนายทักษิณหลังพักโทษและการปรากฏตัวต่อสาธารณะ (ก.พ. 2567-ปัจจุบัน มิ.ย. 2568)

หลังจากกลับมาพักโทษที่บ้านจันทร์ส่องหล้า นายทักษิณเริ่มปรากฏตัวต่อสาธารณะและร่วมกิจกรรมต่างๆ มากขึ้น สร้างความสนใจอย่างต่อเนื่อง เข้าร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย หรือบุคคลสำคัญต่างๆ เป็นระยะ การต้อนรับบุคคลสำคัญที่บ้านจันทร์ส่องหล้ มีนักการเมืองจากหลากหลายพรรค และบุคคลสำคัญจากหลายวงการ เดินทางเข้าเยี่ยมคารวะและพูดคุยกับนายทักษิณ ที่บ้านพักอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งถูกตีความว่าเป็นการส่งสัญญาณถึงบทบาททางการเมือง ที่ยังคงมีอิทธิพลอยู่

จุดเริ่มต้นก่อนศาลนัดไต่สวน 13 มิ.ย.

10 ม.ค. 2568 นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในประเด็นขอให้ศาลไต่สวนกระบวนการและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการที่นายทักษิณ ชินวัตร เข้าไปพักรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ว่าเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ มีการเอื้อประโยชน์หรือไม่ และให้เพิกถอนการพักโทษหากพบว่าไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริง โดยอ้างอิงหลักฐานต่างๆ ที่รวบรวมมาได้

ศาลพิเคราะห์คำร้องและเอกสารท้ายคำร้องแล้ว เห็นว่า ผู้ร้องไม่ใช่คู่ความในคดี อีกทั้งไม่ใช่ผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายจากการบังคับโทษจำคุกแก่จำเลยในคดีดังกล่าว เมื่อผู้ร้องไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียในชั้นบังคับตามคำพิพากษาจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลนี้

แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อความปรากฏต่อศาลว่า อาจมีการบังคับตามคำพิพากษาที่ไม่เป็นไปตามหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดของศาลนี้ ศาลย่อมมีอำนาจไต่สวนและมีคำสั่งตามที่เห็นสมควร จึงเห็นควรส่งสำเนาคำร้องให้โจทก์และจำเลยในคดีแจ้งต่อศาลว่ามีข้อเท็จจริงตามที่กล่าวอ้างในคำร้อง หรือไม่ อย่างไร กับสำเนาคำร้องให้ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร, อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ

เพื่อให้ชี้แจงข้อเท็จจริงประกอบการพิจารณาของศาลว่าการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบังคับโทษจำคุกแก่จำเลยเป็นไปตามหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดของศาล หรือไม่ อย่างไร ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 6

ทั้งนี้ ศาลมีคำสั่งให้นัดพร้อมหรือนัดไต่สวนในวันที่ 13 มิถุนายน 2568

เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 68 มติแพทยสภาลงโทษแพทย์ที่เกี่ยวข้อง

แพทยสภาได้มีการดำเนินการตรวจสอบและมีมติลงโทษแพทย์ 3 ราย ที่เกี่ยวข้องกับการให้ข้อมูลหรือเอกสารทางการแพทย์ที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลนายทักษิณ โดยมี 1 ราย ถูกว่ากล่าวตักเตือน และ 2 ราย ถูกพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม เป็นระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งเป็นประเด็นที่ยังคงเป็นที่ถกเถียงและอยู่ระหว่างการขอความเป็นธรรมจากแพทย์ผู้เกี่ยวข้อง

อย่างไรก็ตาม วันศุกร์ที่ 13 มิ.ย. 68 เวลา 09.30 น. ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ประเด็นสำคัญของการไต่สวนคือ การพิจารณาว่าการเข้ารับการรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เป็นไปตามระเบียบกฎหมายหรือไม่ และมีการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายและระเบียบของราชทัณฑ์หรือไม่ และหนึ่งในหลักฐานสำคัญที่ถูกนำเสนอคือ ใบเสร็จของโรงพยาบาลตำรวจ จำนวน 26 ใบ ที่บางฝ่ายอ้างว่าส่วนใหญ่เป็นค่าห้องพัก ไม่ใช่ค่ารักษาพยาบาล ซึ่งถูกใช้เป็นข้อโต้แย้งเพื่อพิสูจน์ว่านายทักษิณ อาจไม่ได้ป่วยวิกฤติจริงตามที่อ้าง