เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯ กทม. พร้อมด้วยนายศุภกฤต บุญขันธ์ รองปลัด กทม. นายอนุชิต พิพิธกุล ผอ.สำนักเทศกิจ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่เทศกิจ เขตจตุจักร ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานตามนโยบายผู้ว่าฯ กทม. ในการจัดระเบียบพื้นที่ทำการค้าในพื้นที่ จำนวน 3 จุด ประกอบด้วย จุดแรกเป็นพื้นที่ทำการค้าตลาดพระ ถนนพหลโยธิน ตั้งแต่ริมคลองบางซื่อ จนถึงแยกไฟแดง อ.ต.ก. รวมผู้ค้าทั้งสิ้น 22 ราย จุดนี้ได้รับการร้องเรียนถึงความไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย โดยมีการตั้งวางแผงค้าออกมาบนพื้นที่ทางเท้า และตั้งวางสินค้าออกมาเกินขอบเขตของอาคาร อีกทั้งจุดนี้ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ทำการค้าที่เขตฯ กำหนดไว้ ที่ผ่านมาได้กวดขันไม่ให้ผู้ค้าตั้งวางแผงค้าบนพื้นที่ทางเท้า ไม่ตั้งวางสิ่งของเกินแนวขอบเขตของอาคาร

จุดต่อมาพื้นที่ทำการค้าบริเวณถนนกำแพงเพชร 3 ตลาดนัดจตุจักร ผู้ค้า 72 ราย ส่วนใหญ่จำหน่ายอาหาร และมีการประกอบอาหาร ตั้งวางโต๊ะเก้าอี้บนทางเท้า โดยก่อนหน้านี้มอบหมายให้เขตฯ จัดระเบียบพื้นที่ทำการค้าให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ทำการค้าปี 67 ด้วยการขีดสีตีเส้นกำหนดขนาดของร้านค้าแต่ละราย การตั้งวางโต๊ะเก้าอี้ต้องอยู่ในขอบเขตที่กำหนด การล้างทำความสะอาดในจุดที่มีการประกอบอาหาร แต่หลังจากลงตรวจแล้วพบว่ายังมีผู้ค้าบางรายไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด จึงชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ค้า ให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดอย่างเคร่งครัด

จุดสุดท้ายพื้นที่ทำการค้าหน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บริเวณสถานีรถไฟฟ้า BTS ถนนพหลโยธิน มีผู้ค้า 20 ราย และหน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ถนนวิภาวดีรังสิต ผู้ค้า 2 ราย ส่วนใหญ่จะจำหน่ายอาหารปรุงสำเร็จ เครื่องดื่มและสินค้าเบ็ดเตล็ด จุดนี้ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ทำการค้าที่เขตฯ กำหนดไว้เช่นกัน ที่ผ่านมาได้เชิญผู้ค้ามาประชุมสร้างความเข้าใจในการจัดระเบียบพื้นที่ทำการค้า โดยได้จัดหาพื้นที่รองรับผู้ค้าไว้ ในเบื้องต้น เขตฯ ได้ประสานกับเจ้าของพื้นที่ โดยในระยะแรกจะยกเว้นการเก็บค่าเช่า เปิดให้ผู้ค้าเข้ามาทำการค้าได้ฟรี

“สุดท้ายแล้วการจัดระเบียบพื้นที่ทำการค้า ไม่ใช่การยกเลิกไม่ให้ทำการค้า แต่เป็นการพัฒนาพื้นที่ให้ดีขึ้น มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ในขณะเดียวกันผู้ค้าในแต่ละพื้นที่ จะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขทำการค้าปี 67 ที่มีการปรับปรุงขึ้นใหม่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อให้ประชาชนและผู้ค้าสามารถใช้ประโยชน์ในพื้นที่ทางเท้าร่วมกันได้อย่างสะดวกและปลอดภัย” รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าว