เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. ได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดเร่งขยายผลจากปฏิบัติการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ ตามนโยบายปราบปรามยาเสพติดขั้นเด็ดขาดของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ในการทำลายเครือข่ายและตัดวงจรทางการเงินของผู้ค้ายาเสพติด

โดย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. เปิดเผยว่า คดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 68 โดยการบูรณาการกำลังระหว่างสำนักงาน ป.ป.ส., กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา 3 ราย คือ นายณรงค์เดช (สงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี, นายสนธยา (สงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี และ นายโกมล (สงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 5,000,000 เม็ด ในพื้นที่ จ.เชียงราย จากการสืบสวนพบว่า นายณรงค์เดช ผู้ต้องหาที่ 1 เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจยศ ร้อยตำรวจตรี (ร.ต.ต.) สังกัดศูนย์ฝึกตำรวจภูธรภาค 8 และเพิ่งสำเร็จการฝึกอบรมมาได้เพียง 3 เดือน ก่อนจะร่วมขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติด จึงได้สั่งการให้ สำนักงาน ป.ป.ส. ภาค 8 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบและยึดทรัพย์สินโดยทันที
“ผลการตรวจค้นบ้านพัก 2 แห่งในแฟลตตำรวจศูนย์ฝึกฯ จ.สุราษฎร์ธานี สามารถอายัดทรัพย์สินไว้เพื่อตรวจสอบได้เป็นจำนวนมาก อาทิ เงินสด 200,000 บาท, ทองคำแท่ง 5 บาท, โฉนดที่ดิน 3 แปลง เนื้อที่รวม 44 ไร่, รถยนต์ 2 คัน และบัญชีธนาคารอีก 8 เล่ม รวมมูลค่าทรัพย์สินเบื้องต้นกว่า 50 ล้านบาท”

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ เน้นย้ำถึงกรณีนี้ว่า ได้สั่งการให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินและทรัพย์สินที่ซุกซ่อนไว้ทั้งหมด เพื่อดำเนินการยึดอายัดเพิ่มเติม และขอย้ำเตือนไปยังเจ้าหน้าที่รัฐทุกคน หากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ไม่ว่าจะในฐานะผู้ค้า ผู้ลำเลียง หรือผู้ให้การสนับสนุน จะไม่มีการละเว้น จะถูกดำเนินคดีอาญาอย่างเฉียบพลัน มีโทษสถานหนัก และทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำผิด จะถูกยึดให้ตกเป็นของแผ่นดินทั้งหมด เพื่อตัดวงจรเครือข่ายยาเสพติดให้สิ้นตามนโยบายของรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานเพิ่มเติมว่า การจับกุมดังกล่าว เกิดขึ้นในคืนวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 21.50 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ นปส.เชียงราย (กก.2 บก.ปส.3) นำโดย พ.ต.ท.วีรศักดิ์ รัตนประยูร สว.กก.2 บก.ปส.3 จับกุมผู้ต้องหา 2 ราย ชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานี คือ นายณรงค์เดช และนายสนธยา พร้อมของกลาง นอกจากยาบ้า 2,500 มัด จำนวน 25 กระสบ จำนวนยาบ้าประมาณ 5,000,000 เม็ดแล้ว ยังมีรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ Toyota สีขาว ทะเบียน กร 5432 เชียงราย (สำหรับใช้บรรทุกยาเสพติด) และโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง เจ้าหน้าที่ตั้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า หรือเมทแอมเฟตามีน) โดยมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชน อันเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป”

สำหรับพฤติการณ์ เจ้าหน้าที่มีการสืบสวนขยายผลกลุ่มลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ มาส่งให้กลุ่มลูกค้าในพื้นที่ ต.แม่กรณ์ อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย ต่อมาวันที่ 14 มิ.ย. เวลาประมาณ 20.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมพบความเคลื่อนไหวกลุ่มบุคคลในเครือข่ายโดยใช้รถยนต์หลายคัน เดินทางจากพื้นที่ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ โดยใช้เส้นทางบ้านแม่สลัก อ.แม่สรวย อ.แม่ลาว อ.เมืองเชียงราย จึงได้วางกำลังเพื่อสังเกตการณ์ เวลาประมาณ 21.30 น. เจ้าหน้าที่พบรถเก๋ง ยี่ห้อ Toyota ทะเบียน กร 5432 เชียงราย ได้วิ่งแยกออกจากกลุ่มผู้ต้องสงสัย มุ่งหน้าเข้า อ.เมืองเชียงราย

จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า เป็นรถยนต์เช่าจากร้านรถเช่าหน้าท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย โดยรถคันดังกล่าว ลักษณะบรรทุกสิ่งของมีน้ำหนักจำนวนมาก กระทั่งเวลา 21.50 น. ชุดสืบสวนจึงได้แสดงตัวสกัดรถยนต์เพื่อตรวจสอบที่บริเวณใกล้แยกไฟแดงสวนดอก ต.แม่กรณ์ อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย จึงพบว่า นายณรงค์เดช เป็นผู้ขับ และมีนายสนธยา เป็นผู้โดยสาร เจ้าหน้าที่จึงได้จับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย พร้อมทั้งได้แจ้งสิทธิและข้อกล่าวหา จากนั้นนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ไปยัง นปส.เชียงราย เพื่อทำบันทึกจับกุม ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.3 ดำเนินคดีและขยายผลเครือข่ายตามกฎหมายต่อไป.