วันนี้ “เดลินิวส์” ได้นำทบความจากเพจรามาแชนแนล โดย ผศ. นพ.พงศศิษฎ์ สิงหทัศน์ สาขาวิชาศัลยศาสตร์อุบัติเหตุและเวชบำบัดวิกฤตศัลยกรรม ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึง “กระเพาะทะลุ” หรือที่เรียกว่า gastric perforation คือภาวะที่ผนังของกระเพาะอาหาร ทำให้กรดในกระเพาะอาหาร เศษอาหาร และเชื้อแบคทีเรียรั่วไหลเข้าสู่โพรงช่องท้อง ภาวะนี้ถือเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน เนื่องจากอาจนำไปสู่การติดเชื้อในช่องท้องและกระแสเลือด ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

สาเหตุของกระเพาะทะลุส่วนใหญ่เกิดจากภาวะแผลในกระเพาะอาหารเรื้อรังที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม จนลุกลามลึกลงไปจนทะลุผนัง โดยสาเหตุหลัก ๆ ได้แก่

  • การติดเชื้อแบคทีเรีย Helicobacter pylori (H. pylori) เป็นสาเหตุหลักของแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น
  • การใช้ยากลุ่ม NSAIDs เช่น ยาแก้ปวดกลุ่มไอบูโพรเฟน หรือแอสไพริน เป็นเวลานาน
  • พฤติกรรมการบริโภค การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรือกินอาหารรสจัด เป็นปัจจัยเสริมให้เยื่อบุกระเพาะอาหารอ่อนแอ
  • ความเครียดเรื้อรัง มีผลต่อระบบทางเดินอาหารและการหลั่งกรด
  • อุบัติเหตุหรือบาดเจ็บรุนแรง เช่น การเจาะทะลุจากอุปกรณ์ทางการแพทย์หรืออุบัติเหตุเฉียบพลัน

อาการของกระเพาะทะลุ จะมาอย่าง “รวดเร็วและรุนแรง” โดยสัญญาณเตือนที่ควรระวัง ได้แก่

  1. ปวดท้องเฉียบพลันและรุนแรง มักเริ่มที่บริเวณใต้ลิ้นปี่หรือกลางท้อง อาการปวดจะเกิดขึ้นทันทีและรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
  2. ท้องแข็งและบวม หน้าท้องจะแข็งตึงและบวมผิดปกติ โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสหรือกดลงไป
  3. คลื่นไส้และอาเจียน ผู้ป่วยอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ร่วมกับอาการปวดท้อง
  4. ไข้และหนาวสั่น มีไข้สูง หนาวสั่น อ่อนเพลีย ซึ่งเป็นสัญญาณของการติดเชื้อในช่องท้อง
  5. ชีพจรเต้นเร็วและหายใจหอบเหนื่อย หัวใจเต้นเร็ว หายใจหอบเหนื่อย อาจเป็นสัญญาณของภาวะช็อกจากการติดเชื้อ
  6. อุจจาระ หรือผายลมน้อยลง การทำงานของระบบทางเดินอาหารอาจลดลง ส่งผลให้มีการขับถ่ายน้อยลง

หากมีอาการดังกล่าว ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เนื่องจากการรักษาที่ล่าช้าอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น เยื่อบุช่องท้องอักเสบ หรือการติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

วิธีป้องกันกระเพาะทะลุ แม้กระเพาะทะลุจะดูน่ากลัว แต่สามารถป้องกันได้ด้วยวิธีเหล่านี้

1. หลีกเลี่ยงการใช้ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs โดยไม่จำเป็น

การใช้ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน หรือยาสเตียรอยด์ เป็นเวลานานสามารถทำลายเยื่อบุกระเพาะอาหารและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดแผลและกระเพาะทะลุได้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาเหล่านี้ และหากจำเป็นต้องใช้ ควรใช้ในขนาดและระยะเวลาที่แพทย์แนะนำ

2. งดการสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์

การสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นประจำสามารถทำลายเยื่อบุกระเพาะอาหารและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดแผลในกระเพาะอาหารและกระเพาะทะลุได้ การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะดังกล่าว

3. รักษาแผลในกระเพาะอาหารอย่างจริงจัง

หากมีอาการของแผลในกระเพาะอาหาร เช่น ปวดท้อง แสบท้อง หรือจุกแน่น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม การรักษาแผลในกระเพาะอาหารอย่างต่อเนื่องและจริงจังสามารถป้องกันไม่ให้แผลลุกลามจนเกิดกระเพาะทะลุได้

4. จัดการความเครียดอย่างเหมาะสม

ความเครียดสามารถกระตุ้นการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารมากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดแผลและกระเพาะทะลุ การจัดการความเครียดด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การออกกำลังกาย นั่งสมาธิ หรือทำกิจกรรมที่ผ่อนคลาย จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะดังกล่าว

5. กินอาหารที่มีประโยชน์และหลีกเลี่ยงอาหารที่ระคายเคืองกระเพาะ

การกินอาหารที่มีใยอาหารสูง เช่น ผัก ผลไม้ และธัญพืช จะช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้เป็นปกติ ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเผ็ดจัด เปรี้ยวจัด หรือมันมาก ซึ่งอาจระคายเคืองเยื่อบุกระเพาะอาหาร

6. หลีกเลี่ยงการกลืนวัตถุแปลกปลอม

การกลืนวัตถุแปลกปลอม เช่น ของมีคมหรือสารกัดกร่อน สามารถทำลายผนังกระเพาะอาหารและทำให้เกิดการทะลุได้ ควรระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการกลืนวัตถุที่อาจเป็นอันตราย

ภาวะแทรกซ้อนของกระเพาะทะลุ

  • ภาวะเลือดออก
  • ภาวะติดเชื้อแบคทีเรียในช่องท้อง
  • เกิดฝีในช่องท้อง
  • ติดเชื้อในกระแสเลือด

การรักษากระเพาะทะลุ มีแนวทางหลัก ๆ ดังนี้

การผ่าตัด เป็นการรักษาหลัก เพื่อไปซ่อมรูที่ทะลุ การผ่าตัดมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับตำแหน่งและขนาดของแผล รวมถึงสภาพร่างกายของผู้ป่วย การผ่าตัดควรดำเนินการภายใน 8 ชั่วโมงหลังจากวินิจฉัยเพื่อเพิ่มโอกาสในการฟื้นตัว การรักษาโดยไม่ผ่าตัดจะเลือกทำเป็นรายๆไป

การรักษาแผลในกระเพาะอาหาร หากกระเพาะทะลุเกิดจากแผลในกระเพาะอาหาร การรักษาแผลเป็นสิ่งสำคัญ แพทย์อาจสั่งยาลดกรดในกระเพาะอาหาร เช่น ยากลุ่มโปรตอนปั๊มอินฮิบิเตอร์ (PPI) รวมถึงในกรณีติดเชื้อ helicobacter pylori ต้องให้ยาปฏิชีวนะเพื่อกำจัดเชื้อแบคทีเรีย helicobacter pylori ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของแผลในกระเพาะอาหารด้วย

การรักษาเยื่อบุช่องท้องอักเสบ เมื่อกระเพาะทะลุ อาจทำให้เกิดการอักเสบของเยื่อบุช่องท้อง ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง การรักษาประกอบด้วยการให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำเพื่อควบคุมการติดเชื้อ และการดูแลรักษาอื่น ๆ ตามอาการของผู้ป่วย

กระเพาะทะลุ เป็นภาวะอันตรายที่ต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะหากไม่รีบรักษา อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ อย่างไรก็ตาม หากเราเรียนรู้ที่จะสังเกตอาการเบื้องต้น รู้จักป้องกัน และไม่ละเลยสัญญาณจากร่างกาย ก็สามารถหลีกเลี่ยงภาวะนี้ได้ หากคุณหรือคนใกล้ตัวมีอาการปวดท้องเฉียบพลันที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อย่านิ่งนอนใจ รีบไปพบแพทย์ทันทีเพื่อความปลอดภัยของชีวิต