เรียกได้ว่าเป็นกระแสที่กลายเป็นไวรัลอย่างมากอยู่ในขณะนี้ หลังเมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 68 มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้ออกมาเผยประสบการณ์ขายทองลงในกลุ่ม “พวกเราคือผู้บริโภค” เมื่อเจ้าของโพสต์นำแหวนทองเก่าที่ใส่มานานกว่า 20 ปีไปขายที่ร้านทองชื่อดังในห้างแห่งหนึ่ง เริ่มแรกร้านตีราคาแค่ 1,800 บาท ก่อนจะค่อยๆ เพิ่มเป็น 2,000, 3,000 และสูงสุด 6,000 บาท แต่เจ้าตัวไม่ไว้ใจ จึงขอคืนแหวนแล้วส่งขายให้ร้านทองออนไลน์แทน สุดท้ายได้ราคา 10,350 บาท เจ้าตัวเตือนประชาชนให้ระวังการขายทองตามร้านทั่วไป เพราะอาจโดนกดราคาอย่างไม่เป็นธรรม

โดยเจ้าของโพสต์ ระบุข้อความว่า “ทองแพง ก่อนขายทองคิดให้ดี ขอเล่าประสบการณ์เอาแหวนทองไปขายที่ร้านทอง ร้านใหญ่มากร้านหนึ่ง ในห้างดังครับ วันที่ 17/6 ผมไปทำธุระที่ห้าง แล้วนึกขึ้นได้ว่า มีแหวนเล็กๆวงนึง ที่ทิ้งไว้ในรถไม่ได้ใช้แล้ว เพราะใส่ตั้งแต่เด็กมานาน 20 กว่าปี จนคับนิ้ว เก็บไว้ก็คงไม่ได้ใช้อะไร และตอนนี้ภรรยาให้ใส่แหวนแต่งงานแทนละ แหวนนี้เป็นแหวนทอง+พลอย ที่สั่งทำจากร้านทำทองใน ตจว. ตอนเรียนมัธยมครับ จำได้ว่า นน. 25 สตางค์ ซึ่งจากราคาทองปัจจุบัน ผมคิดว่าหักนั่นนี่ ที่ร้านทำทองผสมเข้าไป และเนื้อทองที่หายไประหว่างที่ใส่ตลอด 20 ปี ไม่เคยถอด”
อีกทั้ง “อย่างน้อยก็คงได้ค่าขนมสักหมื่นแหละ เลยตัดสินใจขาย โดยเลือกเดินเข้าร้านทองที่ดูชื่อดัง และคิดว่าคงจะมีเครื่องวัดมือ วัดค่าทอง และตีราคาให้แบบยุติธรรม โดยไม่ได้คิดอะไรมาก พอผมบอกพนักงานร้านว่าเอาแหวนมาขาย พนักงานก็บริการด้วยดีตามปกติครับ ขั้นตอนแรกเขาก็หยิบไปขัดๆ ถู หยอดน้ำยาอะไรบางอย่าง คุยกันเอง และพยายามชี้ให้เราดูว่าเนื้อทองของเรามีน้อย ร้านน่าทำแบบแหวนจิวเวลรี่ผสมเนื้ออื่นเข้าไปด้วย ผมเองเข้าใจได้ เพราะรู้อยู่แล้วว่าคงไม่ใช่ทอง 99% ชั่งดู นน. อยู่ที่ 4.6 g เอ๊ะแรกคือ ไม่มีเครื่องวัดค่าทอง และที่ผมตกใจคือ พนักงานกดเครื่องคิดเลขให้ผมดู แล้วบอกผมว่าจริงๆจะได้เท่านี้นะคะ 1,800 บาท แต่จะเพิ่มให้ พิเศษอีกนิด เป็น 2,000 ค่ะ”
นอกจากนี้ “ผมบอกทันทีว่าน้อยไปครับ ไม่เอาดีกว่าเลยจะขอคืน กลยุทธ์การซื้อ ก็เริ่มมา โดยการเอาไปขูดๆ อีกครั้ง เทียบกับทองของเขา แล้วพยายามชี้ให้เราดูว่า เนื้อทองเรามีน้อย น่าจะผสมมา เลยไม่ได้ราคา ซึ่งตรงนี้ผมก็บอกว่าเห็นด้วย แต่ไม่คิดว่าจะได้แค่ 2,000 เขาเลยบอก ไหนๆก็มาแล้ว เพิ่มให้ เป็น 3,000 โอเคมั้ย ผมก็ยืนยันว่าน้อยไป จะขอคืน กลยุทธ์ต่อไปเริ่มมา พนักงานบอก งั้นขอเผาได้มั้ย เผื่อดูเนื้อ แล้วอาจให้เพิ่ม ผมบอกไปว่าได้ ตามสบาย เขาก็หยิบไป เผาห่างๆ ตรงหน้าร้าน แล้วมาบอกว่า มันดำ แต่ก็คงเป็นทองจริงๆ แหละ เลยเอาไปขูดๆ ดูอีกรอบแล้ว แล้วบอกจะให้เป็น 3,800 ผมก็ยังยืนยันว่ามันน้อยไป เขาถามว่า อยากได้เท่าไหร่ ซึ่งตรงนี้เองที่ผมเริ่มไม่ไว้ใจ ราคาอะไรจะขึ้นๆ ลงๆ ไม่มีราคากลางแบบนี้เหรอ”
อีกทั้ง “มันควรได้ตามราคาใกล้เคียงที่ประกาศมั้ย เลยยืนยันว่าขอคืน ร้านก็บอกว่ามีค่าตรวจสอบ 300 ผมก็ไม่ติด แต่ขอต่อหน่อย 200 ความพยายามต่อมา กลยุทธ์ที่สาม ขอโทรศัพท์ถามเจ๊ว่าให้ราคาเพิ่มได้มั้ย ว่าแล้วก็เดินไปคุยหลังร้าน แล้วก็กลับมา บอกว่า เจ๊อยากให้ราคาดีๆเลย จะให้ 6,000 เราเลยยิ่ง งง และก็หมดความไว้ใจร้านเลย จาก 1,800 มา 6,000 ได้ไง คือ ถ้าเรายอมแต่แรกนี่ร้านฟันกำไรเละเลย ด้วยความไม่ไว้ใจร้านทองในห้าง เลยขอแหวนดำๆ คืนทันที และบอกแฟนว่า ส่งไปขายร้านทองในเพจดีกว่า เขาดูจริงใจกว่าเยอะเลย กลับบ้านหาที่อยู่เพจร้านชื่อดัง แล้วส่งไปรษณีย์ไปเลยทันที โดยยังไม่ได้คุยกับร้านเลย ได้อ่านแค่ข้อความอัตโนมัติ”
อย่างไรก็ตาม “ผ่านไป 2 วัน ร้านโทรศัพท์กลับมายืนยันตัวตน คุยกันไม่ถึง 3 ประโยค จบ 10,350 บาท ตามภาพ นี่สิยุติธรรม นี่หากว่ายอมขาย 2,000-3,000 บาท กับร้านทองนี่ ร้านกำไรบานตะไท ที่อยากรู้ และอยากบอก อยากเตือน คือ ร้านทองส่วนใหญ่เขาโขกลูกค้ากันขนาดนี้เลยหรือ ฝากไว้เผื่อใครกำลังจะขายทองครับ อย่าโดนเขาฟันกำไรเกินควร”
ขอบคุณข้อมูล : พวกเราคือผู้บริโภค