เรียกได้ว่าเป็นกระแสที่กลายเป็นไวรัลอย่างมากอยู่ในขณะนี้ หลังเมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 68 มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ซึ่งเป็นคุณแม่ได้เล่าเหตุการณ์สะเทือนใจลงในกลุ่ม “HerKid รวมพลคนเห่อลูก” เมื่อลูกคนแรกตรวจพบว่าเป็นโรคธาลัสซีเมียชนิดรุนแรง จนต้องยุติการตั้งครรภ์ โดยแพทย์แจ้งว่าเด็กจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานและต้องรับเลือดบ่อยครั้ง หลังเสียลูก เธอแทบเป็นโรคซึมเศร้า แต่ 4 เดือนต่อมา ก็ตั้งครรภ์ใหม่ และต้องลุ้นอย่างหนัก จนผลตรวจยืนยันว่าทารกเป็นเพียงพาหะ ไม่มีอันตราย กระทั่งคลอดตรงกับวันเดียวกันกับลูกคนแรกที่จากไปอีกด้วย

โดยเจ้าของโพสต์ ระบุข้อความว่า “จากโพสต์ที่ได้แชร์เรื่องราว สูญเสียลูกจากการที่น้องตรวจเจอโรคธาลัสซีเมีย ในส่วนของเรื่องโรคธาลัสซีเมีย ที่ลูกคนแรกตรวจเจอตอนนั้นหนูอายุ 18 ส่วนแฟนอายุ 20 เองค่ะ เด็กกันมากๆ แล้วก็เพิ่งมาทราบว่ามีพาหะทั้งคู่ก็ตอนไปฝากท้อง (พ่อเป็นเบต้าศูนย์ แม่เป็นเบต้าอี ) คุณหมอก็ได้จับคู่พาหะ ปรากฏว่าออกมาเป็นคู่เสี่ยงต้องเจาะน้ำคร่ำ พออายุครรภ์ได้ 20 วีค ก็ไปเจาะน้ำคร่ำค่ะ รอผล 1 เดือน สรุปผลออกมาก็ คือ น้องเป็นโรคธาลัสซีเมียชนิดรุนแรง หมอแนะนำให้ยุติการตั้งครรภ์ (ตอนที่ไปฟังผล หน้าชา หูอื้อไปเลยค่ะ น้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว) คุณหมอก็ได้นัดผู้ปกครองมาคุย เพราะคู่เราอายุน้อยกันมากๆค่ะ”

อีกทั้ง “วันที่พ่อแฟนมา เขาก็ถามคุณหมอว่า แล้วถ้าเราจะเอาเขาไว้ เราจะต้องดูแลรักษายังไงครับ คำตอบคุณหมอ คือ “คุณปู่อย่าเข้าใจผิดนะครับ พ่อแม่ ครอบครัวไม่ได้ดูแล หมอต่างหากต้องดูแล น้องต้องเติมเลือดบ่อยมาก เดือนละ 1-3 ครั้ง หรือหนักสุดเขาต้องเติมทุกอาทิตย์เลย อายุเขาก็จะสั้น อยู่ได้ไม่เกิน 20 ปี เขาก็จะไป ให้คุณแม่ยุติคนนี้แล้วเสียเวลาท้องใหม่อีกสัก 9 เดือน ลุ้นคนที่ดีกว่านี้ดีกว่าครับ ได้ฟังจบถึงกับโอ้โห พูดแรงมาก หมอพูดแรงไม่ถนอมความรู้สึกเลย ความรู้สึกโกรธเศร้าเสียใจ ตีกันอยู่ในหัว แต่แรง แต่จริงทุกอย่าง ถ้าลูกเกิดมาแล้วต้องทรมานขนาดนั้น ก็ไม่เอาดีกว่า”

นอกจากนี้ “ทนเห็นไม่ได้แน่ๆ ถ้าเขาต้องโดนเจาะเลือดเพิ่มเลือด เข้าออกโรงพยาบาลบ่อยๆ เรารับฟังคุณหมอได้แต่เงียบและทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น คุณหมอมีเวลาให้ไม่เกินอาทิตย์ ที่ต้องตัดสินใจค่ะ กลับมาบ้านนอนร้องไห้ไม่ออกจากห้อง ไม่ยอมไปโรงพยาบาลอยู่ 4 วัน เสียใจมาก ตื่นมาก็ร้องไห้ ร้องจนไม่รู้จะร้องยังไง สลับกันปลอบกับแฟน วันที่จะไปโรงพยาบาล ก็แทบไม่อยากก้าวขาออกจากบ้าน แต่ก็ต้องเข้มแข็งเข้าไว้ ถึงวันที่ไปโรงพยาบาล กลั้นใจ เอาความเข้มแข็งทั้งหมด เดินไปบอกหมอเอง ว่าหนูพร้อมยุติแล้วค่ะ คือ เรายังเด็กมากๆ เลยค่ะ แล้วต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้ มันเกินจะรับไหวมากๆ เลยสำหรับเรา”

“ตอนนั้นอายุครรภ์ 24 วีคแล้ว ไปนอนโรงพยาบาล คุณหมอใช้วิธีให้อมยาใต้ลิ้น เพื่อให้ปวดคลอดธรรมชาติ นอนปวดๆ หายๆ อยู่ 3 วัน อมยาไป 10 กว่าเม็ด แต่ไม่มีท่าทีที่น้องจะออกเลยค่ะ จนยายเราบอกว่า บอกลูกหน่อยว่า ไม่เป็นไรค่อยกลับมาอยู่ด้วยกันใหม่ หลังจากนั้นไม่นานค่ะ ออกมาทั้งถุงน้ำคร่ำเลย นอนลอยอยู่ในถุงน้ำคร่ำ ตัวขาวจั๊วะ (น้องคลอดออกมาวันที่ 22 ส.ค. 2566) พอวันออกจากรพ. ก็รับน้องมาทำพิธีค่ะ สัปเหร่อบอกว่า ส่วนมากเด็กตัวแค่นี้เขาไม่เหลือกระดูกหรอกจะมีแต่เถ้า แต่ๆลูกเรา เหลือกระดูกขาอันเท่าหลอดนมมาให้เราได้เอาเขากลับบ้าน”

อย่างไรก็ตาม “หลังจากเหตุการณ์ที่เสียน้อง แทบจะเป็นซึมเศร้าเลยค่ะร้องไห้ทุกวัน ใครมาถามหาน้องนี่มีร้องโฮยกใหญ่ ไปทำงานเห็นเด็กๆ รุ่นราวคราวเดียวกันนี่ หายใจไม่ออกเลยค่ะ ต้องวิ่งไปร้องไห้ในห้องน้ำ ทรมานมากกว่าจะผ่านมาได้ผ่านมา 4 เดือน ก็ท้องอีกครั้ง เหมือนเดิมค่ะ กินไม่ได้นอนไม่หลับสักวัน เพราะต้องรอลุ้นว่าลูกจะได้ไปต่อมั้ย ผ่านการเจาะน้ำคร่ำ ถึงวันไปฟังผล พอคุณหมอแจ้งว่า น้องเป็นแค่พาหะเหมือนแม่นะคะ ไม่มีอันตรายอะไร ปล่อยโฮตรงนั้นเลยค่ะ เหมือนทุกอย่างที่อัดอั้นมานานถูกปลดล็อก เดินทางมาจนถึง 36 วีค คืนวันที่ 21 สิงหาคม ปวดท้องค่ะทีนี้ แอบแซวเล่นๆว่า จะเกิดวันเดิมเปล่า พอ 10.00 น. คลอดเลยค่ะคลอดวันที่ เดือน เดียวกันกับคนแรกที่เสียไป”

ขอบคุณข้อมูล : HerKid รวมพลคนเห่อลูก