ภายหลังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เผยภาพสเกตช์ชาย-หญิงต่างชาติ ที่อาจเป็นพยานเห็นตัวคนร้าย หรือเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ น.ส.โทโมโกะ คาวาชิตะ นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นที่ถูกฆาตกรรมบริเวณทางขึ้นสะพานหิน อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จ.สุโขทัย เหตุเกิดวันที่ 25 พ.ย. 2550 ซึ่งปัจจุบันผ่านมาเกือบ 18 ปี นั้น

วันที่ 25 มิ.ย. “ทีมข่าวอาชญากรรมเดลินิวส์” ย้อนห้วงเวลากระบวนการตามหาความจริงจากเริ่มต้นโดยตำรวจท้องที่ ก่อนมีการเคยรับเป็นคดีพิเศษ ซึ่งปัจจุบันคดียังไม่คลี่คลาย และถูกจับตาอายุความที่จะสิ้นสุดในปี 2570

เหตุเกิดที่สุโขทัย

  • วันที่ 25 พ.ย. 2550 น.ส.โทโมโกะ คาวาชิตะ นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น เดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยเพียงลำพัง พบถูกฆาตกรรมด้วยการปาดคอ เสียชีวิตอยู่บริเวณทางขึ้นสะพานหิน อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จ.สุโขทัย
  • ในที่เกิดเหตุสิ่งของที่หายไป คือ กล้องดิจิทัล กับหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ส่วนเงินคนร้ายไม่ได้นำไปด้วย
  • จุดเกิดเหตุค่อนข้างเปลี่ยว คนร้ายไม่ทิ้งหลักฐาน ขณะนั้นมีเพียงเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว กางเกงขาสามส่วนสีน้ำเงิน เสื้อคลุมแขนยาวสีน้ำตาล ไม้กวาดทางยาว ขวดน้ำตราช้างศึก หลักฐานที่นำมาตรวจหาดีเอ็นเอ คือ ไม้กวาดหักที่พบคราบเลือด แต่น้อยเกินกว่าตรวจพิสูจน์ได้ และดีเอ็นเอปริศนาของผู้ชาย บริเวณด้านหลังขอบกางเกงของโทโมโกะ
  • เนื่องจากไม่สามารถหาตัวคนร้ายได้ ตำรวจท้องที่ที่รับผิดชอบ จึงยุติคดีชั่วคราวเมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2552

ปี 2556 รับเป็นคดีพิเศษ

  • วันที่ 31 ก.ค. 2556 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับเป็นคดีพิเศษ ตามการร้องขอของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เนื่องจากเป็นคดีที่ส่งผลกระทบกับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลง โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น ระหว่างนั้นมีการไล่ตรวจสอบดีเอ็นเอบุคคลที่อยู่ใกล้เคียงวันเกิดเหตุเกือบ 400 คน แต่ไม่พบความเกี่ยวข้อง
  • ต่อมาวันที่ 26 ก.ย. 2559 ดีเอสไอต้องยุติคดีไว้ชั่วคราว แต่ยังทำการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน อาศัยข้อมูลที่ได้รับมาเป็นระยะ

ปี 2560 มีผู้แจ้งเบาะแสผ่านเฟซบุ๊กดีเอสไอ จนมีการออกเลขสืบใหม่ที่ 153/2560 พร้อมเก็บดีเอ็นเอบุคคลเพิ่มเติม เป็นในส่วนพ่อค้าบริเวณดังกล่าว แต่ก็ยังไม่พบดีเอ็นเอที่ตรงกับขอบกางเกงโทโมโกะ

ปี 2562 มีเบาะแสสงสัย จึงขอหมายเลขสืบครั้งที่ 2 เลขที่ 30/2562 อีกครั้ง แต่เนื่องจากผู้ต้องสงสัยดังกล่าวเสียชีวิตไปตั้งแต่ปี 2553 ทำให้ต้องมีการไปเก็บดีเอ็นกับญาติเพื่อนำมาพิสูจน์เปรียบเทียบ โดยมีการเดินทางไปเก็บดีเอ็นบุคคลเพิ่มที่ไต้หวัน แต่สุดท้ายไม่ปรากฏดีเอ็นเอที่ตรงกับดีเอ็นเอที่ขอบกางเกงของโทโมโกะ ซึ่งในปีเดียวกันนี้มีข้อมูลน่าสนใจโดยสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ สามารถตรวจดีเอ็นเอโดยวิธีใหม่และน้ำยาใหม่ วิเคราะห์รูปแบบสารพันธุกรรมบนโครโมโซม Y (ดีเอ็นเอเพศชาย) เทียบเคียงผู้ต้องสงสัย โดยสกัดได้ดีเอ็นเอเพศชายก่อนนำไปวิเคราะห์ พบเป็นกลุ่มเอเชียตะวันออก และบ่งชี้เฉพาะได้ 7 ประเทศ เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น เป็นต้น ในจำนวนนี้ไม่มีไทย จึงมีข้อสันนิษฐานว่าผู้เกี่ยวข้องอาจไม่ใช่คนไทย

นอกจากนี้ ในปี 2562 ดีเอสไอ ร่วมกับกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุโขทัย เคยประกาศให้เงินรางวัลแก่ผู้แจ้งเบาะแสที่นำไปสู่การจับกุมคนร้าย เป็นเงิน 1.6 ล้านบาท (จากดีเอสไอ 1 ล้านบาท /ภ.จว.สุโขทัย 5 แสนบาท/พ่อโทโมโกะ 1 แสนบาท)

-มีอีกข้อมูลน่าสนใจที่เคยพบคนใกล้ชิดโทโมโกะเป็นชาวญี่ปุ่นรายหนึ่งเดินทางกลับประเทศหลังวันเกิดเหตุ 1 วัน ขณะนั้นบุคคลดังกล่าวไม่ยอมให้ความร่วมมือเก็บดีเอ็นเอ

ปี 2568 เปิดภาพสเกตช์ ‘พยาน’ ต่างชาติ

-วันที่ 24 มิ.ย. 2568 ดีเอสไอเผยแพร่ภาพสเกตช์ 2 บุคคล เป็นชายชาวฝรั่งเศส และหญิงชาวยุโรป ที่คาดว่าเป็นพยานที่อาจพบเห็นเหตุการณ์ หรือเห็นคนร้าย เพื่อเข้ามาให้ข้อมูล หากสามารถนำไปสู่การจับกุมมีเงินรางวัลให้ 2 ล้านบาท

ขณะที่ นายสุวพิชญ์ มโนภาส ผอ.ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ปฏิบัติหน้าที่ รอง ผอ.กองคดีความมั่นคง ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนที่ 6/2568 เผยที่มาภาพสเกตช์ มาจากข้อมูลของพยานบุคคลอดีตพนักงานร้านกาแฟในตัวเมือง และภาพวงจรปิดในอดีต

หากวันที่ 25 พ.ย. 2570 หากไม่ได้ตัวคนร้าย ถือว่าคดีขาดอายุความ เนื่องจากคดีฆาตกรรมตามกฎหมายไทยมีอายุความ 20 ปี ทั้งนี้ ที่ผ่านมาเคยมีข้อเรียกร้องจากครอบครัวโทโมโกะ เสนอแก้กฎหมายให้คดีฆาตกรรมไม่มีอายุความเหมือนเช่นกฎหมายญี่ปุ่น.