“เลือน–จำ” นิทรรศการศิลปะร่วมสมัย ชวนสำรวจความสัมพันธ์ของเสรีภาพ ความทรงจำ และศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ ผ่านกิจวัตรประจำวันในโลกคู่ขนานของ “คนนอก” ที่เสรี (หรือดูเหมือนจะเสรี) กับ “ผู้ถูกจองจำ” หลังลูกกรง จัดโดย ศูนย์วิจัยนวัตกรรมสิ่งแวดล้อมสรรค์สร้าง มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ร่วมกับ แมด, มันมัน ศรีนครินทร์ (ซีคอนสแควร์) ภายใต้การสนับสนุนจาก สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) และ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ต้องขังกว่า 300,000 แต่สังคมมักมองข้ามศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของพวกเขา “เลือน–จำ” จึงนำเสนอมุมมองที่ลึกซึ้งผ่านกิจวัตรพื้นฐานของมนุษย์ ได้แก่ กิน ขี้ ปี้ นอน ผ่านการตีความใหม่ที่สะท้อนถึงนัยยะของอำนาจ การควบคุม และความเป็นอยู่ ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงระหว่างผู้ถูกจองจำ กับผู้ใช้ชีวิตอิสระ นิทรรศการไม่ตัดสินใครแต่กระตุ้นให้สังคมตระหนักถึง “ความเป็นมนุษย์” ที่ยังคงอยู่แม้ภายใต้เงื่อนไขที่กฎหมายพยายามลดทอนคุณค่า พร้อมสะท้อนมายัง “โลกภายนอก” ที่ผู้คนอาจจองจำด้วยความทรงจำ และความรู้สึกโดยไม่รู้ตัว ภายในงานเปิดนิทรรศการ ยังได้มีการเสวนาหัวข้อ “อยากเลือน กลับจำ อย่าจำ กับเรือน” เปิดประสบการณ์ ความทรงจำ และการฟื้นฟู ในโลกที่ความทรงจำไม่เคยหายไปจริง โดย 4 วิทยากรจากประสบการณ์ตรง คุณชลธิช ชื่นอุระ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมข้อกำหนดกรุงเทพและการปฏิบัติต่อผู้กระทำผิด สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย คุณวลัยลักษณ์ ชุ่มชื่น ผู้อำนวยการทัณฑสถานหญิงกลาง เรือนจำกลางคลองเปรม คุณนริศ วุฒิสกนธิ์ ผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมพิเศษ บริษัท ซีคอนดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) คุณอินทิรา หงษ์ร่อน หัวหน้าทีมออกแบบนิทรรศการ “เลือน-จำ” ดำเนินการเสวนาโดย ผศ.ดร.ฤทธิรงค์ จุฑาพฤฒิกร คณบดี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพมาร่วมหาคำตอบเมื่อความทรงจำเป็นภาระของบางคน ในขณะที่การลืมเลือนคือบาดแผลของใครอีกคน” เข้าชมได้ตั้งแต่ วันนี้ – 10 สิงหาคม 2568 เวลา 11.00 – 19.00 น. บริเวณชั้น 1   แมด, มันมัน ศรีนครินทร์ (ซีคอนสแควร์)

นริศ วุฒิสกนธิ์ ผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมพิเศษ บริษัท ซีคอนดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแนวคิดนิทรรศการ เลือน–จำ ว่า เรือนจำที่จัดแสดงในครั้งนี้คือเรื่องสมมุติเรื่องหนึ่ง จุดเริ่มต้นมาจากแนวคิดที่ ‘มนุษย์ทุกขังล้วนโดนกักขัง’ ไม่ว่าจะทางใดก็ทางหนึ่ง ครั้งนี้เรานำเรื่องของการกักขังที่เป็นรูปธรรมที่สุดออกมาถ่ายทอด ก็คือเรือนจำ การนำเรือนจำมาเป็นตัวอย่างเพื่อสะท้อนว่าเราทุกคนโดนกักขังอยู่ พร้อมให้ทุกคนได้มองนิทรรศการและสะท้อนมายังชีวิตประจำวัน ซึ่งความตั้งใจของ มันมัน ศรีนครินทร์ ในการถ่ายทอดเรื่องราวศิลปะ ส่วนคุณค่าของการชมงานอยู่ที่การตีความของผู้ชม และนำไปปรับใช้กับชีวิตประจำวันได้อย่างไร โดยไม่ตัดสินใคร”

อินทิรา หงษ์ร่อน หัวหน้าทีมออกแบบนิทรรศการ กล่าวเพิ่มเติมถึง 7 โซนของนิทรรศการ เลือน–จำ “นิทรรศการแบ่งออกเป็น 7 โซน เปิดพื้นที่ให้กลายเป็นบทสนทนาระหว่าง ‘โลกที่อยากจำ’ (โลกภายนอก) กับ ‘โลกที่อยากลืม’ (โลกของผู้ต้องขัง) เริ่มจาก ZONE 1: TRANSITIONAL ENTRY ที่ให้เลือกทางสู่โลกปกติหรือโลกหลังลูกกรง จุดไฮไลท์อยู่ตรงที่ความแตกต่างระหว่างรองเท้าของสองโลก และการสร้างอัตลักษณ์บนรองเท้าของผู้ถูกจองจำจากนั้นพาไปสำรวจความหมายของพื้นที่ส่วนตัวกันที่ ZONE 2: BEDROOM ในโลกปกติห้องนอนคือพื้นที่ส่วนตัวที่เต็มไปด้วยความคุ้นเคย แต่ในโลกอีกใบเตียงไม่มีอยู่จริง พื้นที่สำหรับพักพิงของใครหลายคน อาจกลายเป็นพื้นที่ที่ไม่มีทางเลือกของใครอีกคน เข้าสู่ ZONE 3: DINING ROOM ความต่างอย่างสุดขั้วของประสบการณ์ในการกิน ฝั่งเรือนจำ ออกแบบเป็นโต๊ะยาวที่จัดวางถาดหลุมและขันสแตนเลสแบบที่พบได้ทั่วไปในระบบราชทัณฑ์ ในขณะเดียวกัน โลกอีกใบกลับเป็นภาพของร้านคาเฟ่ทันสมัย มีความอบอุ่น ชวนถ่ายรูป DINING ROOM จึงไม่ใช่แค่พื้นที่กินข้าว แต่คือภาพสะท้อนความเหลื่อมล้ำของการมีสิทธิ์เลือกในสิ่งเล็กที่สุดในชีวิตอย่างการกินอาหาร และบรรยากาศที่รายล้อมขณะทำมัน ZONE 4: BATHROOM เปิดเผยอีกแง่มุมของกิจวัตรธรรมดาอย่าง ‘การขับถ่าย’ และ ‘การอาบน้ำ’ ที่แม้จะเป็นกิจกรรมส่วนตัว แต่เมื่ออยู่ภายใต้บริบทของเรือนจำ กลับกลายเป็นพื้นที่ที่เปลือยเปล่าทั้งกายและใจมากที่สุด ZONE 5: FANTASY ในโลกที่ทุกการเคลื่อนไหวถูกจับตา ความเป็นส่วนตัวแทบไม่หลงเหลือ พื้นที่เล็ก ๆ หลังราวตากผ้า กลับกลายเป็นที่หลบซ่อนของความรู้สึกที่ไม่อาจพูดได้ตรง ๆ ไม่ใช่แค่พื้นที่แห้งผ้า แต่เป็นที่ซึ่ง ‘ความปรารถนา’ ได้แทรกตัวอยู่ในเงามืดของระบบควบคุม ZONE 6: SINGLE CELL จำลองบรรยากาศของห้องขังเดี่ยว ที่ออกแบบมาเพื่อควบคุมพฤติกรรมและให้ผู้ต้องขังทบทวนการกระทำของตนเอง พร้อมเสียงก้องและแสงไฟสีแดงที่ส่องลงมา สร้างความรู้สึกอึดอัด กดดัน เหนือศีรษะมีราวตากผ้าและรั้วลวดหนามสื่อถึงความเป็นเรือนจำที่คอยกดทับและจำกัดอิสระของผู้ต้องขัง พร้อมให้ผู้เข้าชมงานร่วมเขียนข้อความลงบนผนัง และลบมันออกได้ด้วยยางลบที่เตรียมไว้ เป็นสัญลักษณ์ของการทบทวนและเปลี่ยนแปลง และโซนสุดท้ายของนิทรรศการ ZONE 7: REST OF THE WORLD จำลองพื้นที่เป็นร้านสะดวกซื้อ สัญลักษณ์ของโลกภายนอกที่เราคุ้นเคย พื้นที่สาธารณะที่แทบทุกคนเข้าถึงได้ และสะท้อนชีวิตประจำวันที่ดูเป็นอิสระและเต็มไปด้วยตัวเลือก โซนนี้ ยังมีการนำสิ่งของจากเรือนจำมาจัดวางในแต่ละชั้นของร้าน เพื่อสะท้อนภาพของโลกคู่ขนานที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง ระหว่างชีวิตที่เสรีและชีวิตที่ถูกจำกัดอย่างเข้มงวด สิ่งของเหล่านี้ช่วยเล่าเรื่องความเป็นจริงที่ถูกกักขังไว้เบื้องหลังผนังที่มองไม่เห็น โซนนี้จึงเป็นบทสรุปที่เชิญชวนให้ผู้ชมตั้งคำถามกับความแตกต่างระหว่าง ‘โลกของเรา’ กับ โลกของเขา’ และช่วยให้เห็นว่าแม้จะอยู่ในสถานที่เดียวกัน แต่ประสบการณ์และเสรีภาพนั้นกลับต่างกันอย่างสิ้นเชิง”

“เลือน–จำ”จึงไม่ใช่เพียงงานศิลปะ แต่คือพื้นที่สำหรับทบทวน และฟังเสียงของความเป็นมนุษย์ ที่อาจปิดบังไว้หลังลูกกรง หรือแม้แต่ภายในใจของเราเอง บทสนทนาร่วมกันระหว่าง “โลกที่อยากจำ” กับ “โลกที่อยากลืม” ระหว่าง “เราทุกคน” กับ “เขาเหล่านั้น” ที่เราอาจไม่เคยแม้แต่จะมองเห็น

ร่วมอัปเดตแวดวงศิลปะได้ที่เพจ : MMAD – MunMun Art Destination และ MunMun