เมื่อวันที่ 3 ก.ค. ที่ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 3 แถลงข่าว จากกรณีในสื่อสังคมโซเซียล ได้มีการโพสต์กรณีลูกสาวร้องแก๊งเงินกู้โหด บุกทุบบ้านใช้เหล็กแป๊บฟาดหัวแม่วัย 65 ปี ชาว อ.วารินชำราบ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 87 หมู่ที่ 3 ตำ.บุ่งไหม อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 28 มิถุนายน 2568 โดย นางสาวนัตชยาภรณ์ รัตนทิพย์ ลูกสาวยายที่ได้รับบาดเจ็บ เล่าว่า ได้มีคนร้ายเป็นชาย 4 คน อำพรางใบหน้า บุกรุกเข้ามาบริเวณบ้าน ใช้ไม้ไผ่ทุบประตูและทำร้ายนางคำผวย รัตนทิพย์ อายุ 65 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัส

พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 3 กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้สั่งการให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี เร่งรัดจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีให้ได้ ซึ่งหลังเกิดเหตุจับกุมผู้ต้องหามาได้ 4 คน จากการสอบสวนผู้ต้องหาที่เข้าไปก่อเหตุทราบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 4 คน น่าจะมีสาเหตุเกิดจากเรื่องส่วนตัวกับลูกชายของยาย ซึ่งลูกสาวยายก็เป็นภรรยาของ 1 ใน 4 ของผู้ที่เข้ามาก่อเหตุ โดยได้เข้าไปพูดคุยกับลูกชายของยาย เพื่อจะเข้าไปพูดคุยเกี่ยวกับการที่จะกู้เงินกับธนาคารแห่งหนึ่ง อาจจะคุยกันไม่รู้เรื่อง ซึ่งพี่ชายของนางสาวนัตชยาภรณ์ รัตนทิพย์ ลูกสาวยาย ก็เป็นคู่อริกันมาก่อน อาจจะกระทบกระทั่งกันด้วยวาจา จากนั้นก็ได้มีการทำร้ายกัน ต่อเนื่องไปถึงยายที่เป็นแม่ ได้เข้ามาห้ามปรามก็เลยมีปากเสียงกัน และ 1 ใน 4 ผู้ต้องหา ได้ทำร้ายร่างกายโดยใช้ไม้ขว้างออกไปถูกยายได้รับบาดเจ็บ แต่อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังไม่ปักใจเชื่อว่าจะมีเบื้องลึก ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ ซึ่งจะต้องให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสอบสวนสืบสวนทางลึกต่อไป แต่เบื้องต้นน่าจะเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวมากกว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาผู้ก่อเหตุทั้ง 4 คนในข้อหา “เจตนาร่วมกันกับพวกที่หลบหนี ทำร้ายร่างกายผู้อื่น จึงเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่จิตใจ ร่างกายอันตรายสาหัส บุกรุกเคหสถานผู้อื่นในเวลากลางคืน และทำให้เสียทรัพย์”

ทั้งนี้ จากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้ง 4 คน รับสารภาพว่าเป็นผู้ร่วมก่อเหตุในวันดังกล่าวจริง แต่สาเหตุยังให้การปฏิเสธว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทวงหนี้ ส่วนสาเหตุที่แท้จริงอยู่ระหว่างการสืบสวน สอบสวนขยายผล หากปรากฏข้อเท็จจริงว่าเกี่ยวข้องกับการปล่อยเงินกู้ จะได้ดำเนินการในความผิดที่เกี่ยวข้องต่อไป