เมื่อวันที่ 21 พ.ย. ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “เปิดประเทศ 2 อาทิตย์แล้ว เป็นอย่างไรบ้าง” ทำการสำรวจระหว่าง วันที่ 15-16 พฤศจิกายน 2564 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,320 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับสถานการณ์ต่างๆ ของประเทศเป็นอย่างไร ตั้งแต่รัฐบาลเปิดประเทศ เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา

การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่นที่ร้อยละ 97.0

จากการสำรวจเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศ ตั้งแต่รัฐบาลเปิดประเทศ เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 48.11 ระบุว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจเหมือนเดิม รองลงมา ร้อยละ 29.85 ระบุว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจค่อนข้างดีขึ้น ร้อยละ 9.62 ระบุว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจค่อนข้างแย่ลง ร้อยละ 8.94 ระบุว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจ แย่ลงมาก และร้อยละ 3.48 ระบุว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจดีขึ้นมาก

สำหรับความพึงพอใจต่อมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งแต่รัฐบาลเปิดประเทศ เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 42.88 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ รองลงมา ร้อยละ 29.09 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ ร้อยละ 17.04 ระบุว่า ไม่พอใจเลย ร้อยละ 8.64 ระบุว่า พอใจมาก และร้อยละ 2.35 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ด้านความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ว่าจะรุนแรงขึ้นใน 1-2 เดือนข้างหน้า จากการที่รัฐบาลเปิดประเทศ เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 43.11 ระบุว่า ค่อนข้างกังวล เพราะ มาตรการป้องกันยังไม่เข้มงวด จำนวนผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 ภายในประเทศยังคงสูง และประชาชนบางส่วนยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 รองลงมา ร้อยละ 32.50 ระบุว่า กังวลมาก เพราะ เมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาภายในประเทศ อาจเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ๆ และประชาชนบางส่วนยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ร้อยละ 15.23 ระบุว่า ไม่ค่อยกังวล เพราะอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีการควบคุมการแพร่ระบาดได้เป็นอย่างดี ประชาชนมีการป้องกันตัวเองเป็นอย่างดี และได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบ 2 เข็มแล้ว ขณะที่บางส่วนระบุว่า ต้องปรับตัวเพื่ออาศัยอยู่ร่วมกับเชื้อโรคโควิด-19 ให้ได้ ร้อยละ 8.86 ระบุว่า ไม่กังวลเลย เพราะรัฐบาลมีมาตรการป้องกันที่เข้มงวด อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีการควบคุมการแพร่ระบาดได้เป็นอย่างดี และประชาชนมีการป้องกันตัวเองเป็นอย่างดี ขณะที่บางส่วนระบุว่า ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบ 2 เข็มแล้ว และร้อยละ 0.30 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงการให้ความสำคัญของประชาชนระหว่างความอยู่รอดทางเศรษฐกิจกับความปลอดภัยของสุขภาพ (เช่น ปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19) พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 58.94 ระบุว่า เลือกความปลอดภัยของสุขภาพ แม้ว่าจะต้องอยู่ในภาวะเศรษฐกิจที่ยากลำบาก รองลงมา ร้อยละ 27.58 ระบุว่า เลือกความอยู่รอดทางเศรษฐกิจ แม้ว่าจะต้องเสี่ยงกับความปลอดภัยของสุขภาพ และร้อยละ 13.48 ระบุว่า อะไรก็ได้แล้วแต่รัฐบาลจะเห็นสมควร เมื่อเปรียบเทียบผลการสำรวจครั้งนี้กับเดือนมิถุนายน 2564 พบว่า ผู้ที่ระบุว่า เลือกความปลอดภัยของสุขภาพ แม้ว่าจะต้องอยู่ในภาวะเศรษฐกิจที่ยากลำบาก มีสัดส่วนลดลง ในขณะผู้ที่ระบุว่า เลือกความอยู่รอดทางเศรษฐกิจ แม้ว่าจะต้องเสี่ยงกับความปลอดภัยของสุขภาพ และอะไรก็ได้แล้วแต่รัฐบาลจะเห็นสมควร มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น.