“มองไกล เห็นใกล้” สัปดาห์นี้ ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติตั้ง คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร หรือ Entertainment Complex ตีกรอบเวลาศึกษา 90 วัน

จะว่าไปส่วนตัว “นายอัคคี” ไม่ค่อยว้าว!! สักเท่าไร เพราะเป็นเรื่องที่พูดกันมานาน ในอดีตมีการตั้งกรรมาธิการศึกษา หยิบยกโยนหินถามทางไปหลายต่อหลายครั้ง แต่สุดท้าย!! ก็ถูกเก็บไว้ “ใต้โต๊ะ” ไม่มีใครกล้าผลักดันเพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ทำไปพาแต่เจ็บตัว เพราะมีทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย

ฝ่ายไม่เห็นด้วย มองประเทศไทยเป็น “เมืองพุทธ” ไม่ควรมอมเมาประชาชนด้วยการพนัน โถ…โถโถ…นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว…!!! หัดมองความจริงเสียบ้าง ดูเพื่อนบ้านของเราหลายประเทศเป็นเมืองพุทธ ยังเปิดกาสิโนกันโจ่งครึ่ม โกยรายได้เป็นกอบเป็นกำ อย่าว่าแต่นักท่องเที่ยวต่างชาติเลย บรรดาพี่ไทยเนี่ยละ..ตัวดีนักแล ที่หอบเงินออกไปเล่นกันเป็นล่ำเป็นสัน

ข้ออ้างประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ ไม่ควรมีบ่อนกาสิโน บอกตามตรง..ฟังแล้วเลี่ยนหู ดูดัดจริตไม่น้อย และไอประเภท “มือถือสาก ปากถือศีล” หัดยอมรับความจริงเสียบ้างว่า “การพนัน” เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน อย่าลืมว่าต่อให้ไม่มีกาสิโนที่ถูกกฎหมาย คนมันจะเล่นไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็เล่น ยิ่งปัจจุบันโลกออนไลน์กลายเป็นส่วนหนึ่งใน “ชีวิต” ของทุกคน เพียงแค่เคาะเสิร์ชหา “บ่อนออนไลน์” ก็โผล่มาให้เห็นเป็นดอกเห็ด เลือกเล่นได้ตามสบายแล้วแต่ความพอใจของแต่ละคน

สู้เอาเวลามาศึกษาว่ามัน (คุ้ม) ได้มากกว่าเสียหรือไม่ หลายประเทศเลือกที่จะเปิดให้ถูกกฎหมายและนำรายได้กลับคืนมาในรูปแบบภาษี เปรียบเสมือนกับนำเงินใต้ดินมาไว้บนดิน แล้วมาแบ่งสรรเป็นงบประมาณ เช่นในอดีตสมัยรัฐบาลทักษิณ นำหวยใต้ดินขึ้นมาบนดิน แปลงการซื้อ “หวย” ที่ผิดกฎหมายให้ถูกกฎหมาย โดยมีรัฐเป็นเจ้ามือ ทำให้คนนิยมหันมาเล่น “หวยบนดิน” เนื่องจากไม่มีอั้นเลข หรือ จ่ายครึ่งราคา และมั่นใจได้ว่าเจ้ามือไม่หนีแน่นอนเพราะรัฐเป็นเจ้ามือเสียเอง

อีกทั้งรายได้จากการจำหน่ายก็ถูกถ่ายโอนไปใช้ในโครงการต่างๆ ซึ่งกรณี ”กาสิโน” มิต่างกัน ต้องกำหนดให้ชัดเจน เช่น กำหนดอายุผู้เล่น กำหนดมาตรการออกใบอนุญาตให้กับผู้ประกอบการ ทั้งกิจการการพนัน และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ออกแบบโครงสร้างเรียกเก็บภาษีที่เหมาะสม

ยิ่งห้วงเวลาที่โควิดระบาด ส่งผลให้สภาพการณ์ไทยมีหนี้สาธารณะ-หนี้ครัวเรือนสูง แหล่งทุนที่มีก็ร่อยหรอ เชื่อว่า “เม็ดเงิน” ที่ได้ก็น่าจะทำประโยชน์ให้ประเทศไม่มากก็น้อย ดังนั้น ต้องทำให้ดี ผลประโยชน์มันเยอะก็มักจะมีพวกเสียโอกาสที่มือไม้พายเอาเท้าราน้ำ ทำตัวเป็นไอเขร้ขวางคลองไปซะทุกเรื่อง

คงได้แต่เฝ้ารอว่าทิศทางจากนี้จะเป็นเช่นใด การผลักดันกาสิโน มิใช่เรื่องง่ายขนาด “บิดาแห่งการยกเว้น” อย่างนายวิษณุ เครืองาม ก็ออกมาระบุว่า มันคงเป็นการต่อสู้ระหว่างศีลธรรม สังคม และเศรษฐกิจ  ก็อยู่ที่ “นายกฯ ลุงตู่” จะกล้าตัดสินใจหรือไม่???

นายอัคคี