เมื่อวันที่ 15 ก.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ประกาศแจ้งลำดับอาวุโสของตำรวจระดับ รอง ผบก.-ผู้ช่วย ผบ.ตร. เพื่อให้แต่ละนายตรวจสอบความถูกต้องในการเข้ารับการคัดเลือกเลื่อนขั้นเลื่อนชั้นในปีงบประมาณ 2565 ซึ่งคาดว่าในปีนี้ ทาง ก.ตร. น่าจะมีการประชุมแต่งตั้งในเดือน ส.ค.นี้ ตามกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการแต่งตั้งระดับ ผบก. ถึง จตช. และรอง ผบ.ตร. จะต้องเสร็จภายในวันที่ 31 ส.ค.ของทุกปี โดยน่าจะแบ่งเป็น 2 ครั้งด้วยกัน คือ ครั้งแรกประชุมแต่งตั้งระดับ “นายพลใหญ่” รอง ผบ.ตร.-ผบช. และอีกครั้งน่าจะแต่งตั้งระดับ “นายพลเล็ก” รอง ผบช.-ผบก. โดยมีทั้งในส่วนที่ทดแทนกลุ่มเกษียณอายุราชการและหมุนเวียนในระนาบเดียวกันด้วย

สำหรับในปีงบประมาณ 2565 มีเก้าอี้ว่างจากการเกษียณอายุราชการ ดังนี้ ระดับ รอง ผบ.ตร. 2 ตำแหน่ง, ผู้ช่วย ผบ.ตร. 9 ตำแหน่ง, ผบช. 20 ตำแหน่ง, รอง ผบช. 42 ตำแหน่ง และ ผบก. 84 ตำแหน่ง รวมทั้งสิ้น 157 ตำแหน่ง สำหรับเก้าอี้สำคัญ คือ รอง ผบ.ตร. คาดว่าจะมีการเสนอรายชื่อ พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ (นรต.40) ผู้ช่วย ผบ.ตร. ที่ได้รับความไว้วางใจรับภารกิจร้อนจาก “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ให้ รรท.ผบช.ภ.2 สางปมปัญหาบ่อนพนันภาคตะวันออก และ “บิ๊กป๋อ” พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้ช่วย ผบ.ตร. ลูกชาย พล.ต.อ.เภา สารสิน อดีตอธิบดีกรมตำรวจ โดยมี พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผู้ช่วย ผบ.ตร. มีชื่อลุ้นสอดแทรก โดย พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ เป็น ผู้ช่วย ผบ.ตร.ที่อาวุโสอันดับ 1 และเกษียณอายุราชการในปี 2567 ซึ่งเป็นที่คาดการณ์ว่ามีโอกาสสูงในการถูกวางตัวนั่งเก้าอี้พิทักษ์ 1 ในอนาคต

ทั้งนี้ในระนาบ “รอง ผบ.ตร.” ยังน่าจับตาว่าในกรณี พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา ที่ถูกสำรองราชการ ได้ยื่นเรื่องต่อ ก.ตร.ขอกลับเข้ารับราชการ หากมีการกลับมารับราชการจริงอาจจะทำให้เก้าอี้ “รอง ผบ.ตร.” ว่างเพียง 1 ตำแหน่งเท่านั้น แต่ก็เชื่อว่า พล.ต.ท.รอย ไม่น่าจะผิดหวัง แต่ในส่วนของ พล.ต.ท.ชินภัทร อาจจะต้องลุ้นอีกเฮือกหนึ่ง หากไม่มีชื่อของ พล.ต.อ.วิรชัย กลับมา ก็อาจจะทำให้ “บิ๊กป๋อ” สมหวังได้ติดยศ “พล.ต.อ.” แต่คงจะได้ไปนั่งเก้าอี้แทนเพื่อนซี้อย่าง “บิ๊กหิน” พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จตช. ที่น่าจะขอสไลด์ไปนั่ง รอง ผบ.ตร.แทน ซึ่งเป็นสิ่งที่ พล.ต.ท.ชินภัทร รับได้อยู่แล้ว เพราะทั้ง “บิ๊กหิน” และ ”บิ๊กป๋อ” ต่างเติบโตคู่ขนานกันมาตั้งแต่ระดับสารวัตร

ระดับผู้ช่วย ผบ.ตร. 9 ตำแหน่ง คาดว่ามีการเสนอชื่อ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ท.ธนา ชูวงษ์ ผบช.ภ.7 พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบช.ภ.8 นายตำรวจคนสนิท พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบช.ภ.3 เพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 25 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์, พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผบช.รร.นรต., พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส., พล.ต.ท.พัฒนวุธ อังคะนาวิน ผบช.สงป., พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 สายตรงบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี, พล.ต.ท.ธนพล ศรีโสภา ผบช.ส. และ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบช.ก.

ระดับผู้บัญชาการ “ผบช.” ว่างจากเกษียณ 11 ตำแหน่ง “ผบช.น., ผบช.ภ.6, ผบช.ภ.9, ผบช.ตชด., ผบช.ทท., ผบช.สทส., ผบช.สกบ., ผบช.สพฐ.ตร., ผบช.ศ., ผบช.สกพ,. ผบช.ประจำฯ” โดยที่น่าจับตาก็คงหนีไม่พ้น “นครบาล” ที่ปกติมีคนเข้าโควตาชิงไม่ต่ำกว่า 3-4 นาย แต่ปีนี้ มีการวางตัวมานาน “บิ๊กอุ้ย” พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร (นรต.38) จตร. (สบ8) ปฏิบัติราชการ บช.น. น่าจะเข้าวิน เพราะคนมีชื่อพัวพันเก้าอี้เมืองหลวงก่อนหน้านี้ทั้ง พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์, พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ, พล.ต.ต.สำราญ นวลมา ต่างได้เก้าอี้สมใจกันครบถ้วนแล้ว ขณะที่ ผบช.ภ.1 “บิ๊กแซก” พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร สายตรง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ยังเหนียวแน่นที่เดิม ขอเกษียณในตำแหน่งนี้ของปี 65 เช่นเดียวกับเก้าอี้ ผบช.ภ.4 พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ที่อยู่ต่อตามแรงส่งของนักการเมืองใหญ่สายบุรีรัมย์

ส่วนเก้าอี้ ผบช.ภ.2 ที่คนเดิมอย่าง พล.ต.ท.วีระ จิระวีระ ไม่น่าจะกลับมาได้แน่นอนแล้ว คงปล่อยให้ 2 นายตำรวจใหญ่อย่าง “บิ๊กจ้าว” พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. (ทำหน้าที่นายตำรวจผู้ประสานงานรัฐสภา) สายตรง “บิ๊กปั๊ด” ที่ปัจจุบันมาทำหน้าที่ รรท.ผู้การชลบุรี กับ ”บิ๊กอ้อ” พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผบช.ประจำฯ วัดกำลังภายในกัน ใครจะได้มานั่งคุมทำเลภาคตะวันออก โดยมี “บิ๊กเด” พล.ต.ท.ณพวัฒน์ อารยางค์กูร จตร., “รองหวาน” พล.ต.ต.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร รอง ผบช.ภ.2 สอดแทรก โดยในรายของ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง หากไม่ได้นั่งคุมทำเลภาคตะวันออก ก็ถูกวางตัวไปนั่ง ผบช.สอท.

พื้นที่ภูธรภาค 3 คาดว่าวางตัว พล.ต.ต.สุรพล เปรมบุตร รอง ผบช.ภ.1 ไปขึ้น ผบช.ภ.3 ส่วนภูธรภาค 5 มีชื่อ พล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเศรณี รอง ผบช.ภ.5 สายตรง นายวิษณุ เครืองาม ไปรอเสียบอยู่แล้ว พล.ต.ต.ปัญญา ปิ่นสุข รอง ผบช.ก. ขยับเป็น ผบช.ภ.6 พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท. ถูกขยับออกไปนั่งภูธรภาค 7 พล.ต.ต.สุรพงษ์ ถนอมจิตร รอง ผบช.ภ.1 ไปขึ้น ผบช.ภ.8, โดยมี พล.ต.ต.นันทเดช ย้อยนวล (นรต.38) รอง ผบช.ภ. 8 สอดแทรก ส่วนภาค 9 ไม่น่าพลิก พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ จตร.(สบ8) ขยับไปนั่งเก้าอี้ ผบช.ภ.9

ขณะที่ในส่วนของกองบัญชาการ สนับสนุนการปฏิบัติงานต่างๆ นั้น ด้านสอบสวนกลาง (บช.ก.) มีชื่อ “เดอะก้อง” พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช (นรต.50) รอง ผบช.ก. ขยับขึ้น ผบช.ก. ในส่วนของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) คาดว่า พล.ต.ท.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ ผบช.กมค. จะมานั่งคุมบังเหียนแทน ในส่วนงานปราบปรามยาเสพติด พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ (นรต.38) รอง ผบช.ปส. มีลุ้นขึ้นตรงหน่วยเป็น ผบช.ปส. ส่วนในตำแหน่งอื่นๆ คาดว่า ผบช.ที่ว่างจากการเกษียณและไม่ได้เป็นหน่วยปฏิบัติ คาดจะดันระดับ “พล.ต.ท.” ประจำ หรือจเรฯ ไปนั่งแทน แต่ก็มีบางหน่วยที่เป็นเรื่องเฉพาะทางอาจจะต้องหลีกให้ระดับ “รอง ผบช.” ในหน่วยงานนั้นขึ้นตำแหน่งใหญ่เพื่อประสิทธิภาพของการบริหารงานต่อไป ซึ่งคาดจะมีการแต่งตั้งใหม่และสลับในกลุ่มนี้ รองผบ.ตร.- ผบก. ไม่ต่ำกว่า 200 ตำแหน่ง.