จากกรณี นายสุรญาณช์ (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี อาชีพ นักกีฬาเพาะกาย เข้าแจ้งความกับ พนักงานสอบสวน สน.สำเหร่ ให้เอาผิดชายไม่ทรายชื่อซึ่งเป็นคู่กรณี ที่ขับรถเก๋ง ยี่ห้อฟอร์ด รุ่นเฟียสต้า สีดำ ทะเบียน 1 ขร 9300 กรุงเทพมหานคร ใช้ท่อนเหล็กฟาดใส่ร่างกายจนแขนหัก ขณะลงไปเจรจาเรื่องรถเฉี่ยวชนกับรถ ฮอนด้า รุ่นแอคคอร์ด สีขาว ทะเบียน 1 ขฉ 1096 กรุงเทพมหานคร ของตนเอง เหตุเกิดบนสะพานข้ามแยกตากสิน มุ่งหน้าถนนกัลปพฤกษ์ แขวงบุคคโล เขตธนบุรี กทม. เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา ภายหลังตำรวจทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้ว คือ นายอดิศักดิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี อาชีพพนักงานบริษัทฯ ตามที่ปรากฏเหตุการณ์ไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. มีรายงานข่าวแจ้งว่า อาการบาดเจ็บของ นายสุรญาณช์ มีอาการสาหัสจริง เนื่องจากกระดูกแตก ต้องใช้เวลาในการรักษานานกว่า 2 เดือน ส่งผลกระทบต่อวิชาชีพ คือ เพาะกายแข่งขันในปีหน้า โดยเจ้าตัวยืนยันว่า จะเอาเรื่องกับนายอดิศักดิ์ ให้ถึงที่สุด เนื่องจากโดนกระทำอยู่ฝ่ายเดียว ยืนยันว่าการลงไปเจรจาไม่ได้ต้องการไปหาเรื่อง แต่เพราะต้องการให้อีกฝ่ายรอเรียกประกันหลังจากรถเกิดความเสียหาย แต่กลับกลายเป็นโดนทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียวอย่างอุกอาจ หลังเกิดเหตุอีกฝ่ายยังขับหนีไปดื้อ ๆ ไม่รับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น

ขณะที่ นายอดิศักดิ์ ให้การอ้างว่า ถูกอีกฝ่ายขับรถปาดหน้า จนทำให้ลูกสาวเล็ก ๆ วัย 4 ขวบ ที่กำลังกินหมูปิ้งเกือบโดนไม้แทงปาก ด้วยความโมโหจึงขับไปปาดหน้าอีกฝ่ายและเกิดการเฉี่ยวชนกัน พอลงไปเคลียร์พบว่าอีกฝ่ายมีรูปร่างใหญ่สูงใหญ่กว่า อีกทั้งยังมีท่าทีคุกคาม จึงฉวยท่อนเหล็กเอามาป้องกันตัวไว้ก่อน และเมื่อพูดคุยกันไม่รู้เรื่องจึงผลักอกและฟาดอีกฝ่ายไป 2-3 ครั้ง หลังเกิดเหตุไม่ได้หลบหนีไปไหน เพียงแต่พาลูกสาวไปรักษาอาการบาดเจ็บที่ รพ.ตากสิน

“…เหตุเกิดจากการขับรถปาดกันไปมา แล้วด้วยความโมโหจึงปาดหน้าให้เขาจอดเพื่อลงไปเคลียร์ แต่อีกฝ่ายตัวใหญ่กว่า ผมจึงเอาเหล็กมาป้องกันตัว ซึ่งผมไม่มีเจตนาจะทำร้ายจริง ๆ เพราะลูกผมก็อยู่ในรถด้วย เรื่องนี้จะให้กราบเท้าผมก็ยอม อย่าจองเวรผมเลย…” นายอดิศักดิ์ กล่าว

ด้าน ร.ต.อ.วิเชียร สิมมาโคตร รอง สว.(สอบสวน) สน.สำเหร่ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหากับทางฝ่ายใด แต่ในเบื้องต้นพูดคุยกับทั้งสองฝ่ายแล้วยอมรับว่า มีการขับรถปาดหน้ากันไปมา จึงดำเนินคดีข้อหาขับรถประมาทหวาดเสียวกันทั้งสองฝ่าย ส่วนเรื่องการทำร้ายร่างกาย ต้องดูพยานแวดล้อมอื่น ๆ ประกอบในสำนวนก่อน.

ขอขอบคุณภาพจาก : ช่อง 3