วันที่ 17 ธ.ค. นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังกำลังมีแผนเรียกเก็บภาษีจากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ หรือภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับการขาย ซึ่งภาษีดังกล่าวได้รับการยกเว้นมากกว่า 30 ปีแล้ว โดยกรม และกระทรวงการคลัง อยู่ระหว่างพิจารณาการเรียกเก็บ แต่จะต้องดูหลายปัจจัยประกอบ โดยเฉพาะเงื่อนไขเวลาที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า การเรียกเก็บภาษีดังกล่าวนั้น ประชาชน 85% หรือ นักลงทุนรายย่อยจะไม่ได้รับผลกระทบแน่นอน

สำหรับการศึกษาการเรียกเก็บภาษีการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ประกอบด้วย 3 แนวทาง คือ 1.การขายหุ้นในตลาดฯ 1 ล้านบาทต่อเดือน 2.การขายหุ้นในตลาดฯ 1.5 ล้านบาทต่อเดือน และ 3.การขายหุ้นในตลาดตั้งแต่ 2 ล้านบาทต่อเดือนขึ้นไป โดยในตรากฎหมายเดิมนั้นกำหนดไว้ว่าการขายหุ้นในตลาดฯ 1 ล้านบาทขึ้นไปจะต้องเสียภาษีในอัตรา 0.1% ของมูลค่าขาย แต่ปัจจุบันยังได้รับการยกเว้น

ทั้งนี้ กรมสรรพากร ได้ศึกษาภาษีทั้ง 2 ส่วน คือ ภาษีกำไรจากการขายหลักทรัพย์ (แคปิตอล เกน) ซึ่งหากจะเรียกเก็บจากส่วนนี้จะต้องตรากฎหมายขึ้นมาใหม่ หรือแก้ไขกฎหมายเพิ่มเติม แต่สำหรับ การเก็บภาษีการขายหุ้นนั้นมีประมวลรัษฎากรกฎหมายภาษีของกรมสรรพากรอยู่แล้ว แต่ได้รับการยกเว้นมาตั้งแต่ปี 34 ซึ่งสามารถเก็บได้เลย โดยการหยิบยกกฎหมายนี้ขึ้นมาก็เป็นไปแผนการปฏิรูปภาษี ซึ่งปัจุบันหลายประเทศมีการเรียกเก็บทั้ง 2 ส่วน หรือบางประเทศก็เรียกเก็บเพียงอย่างเดียว

รายงานข่าวแจ้งเพิ่มว่า สำหรับการชำระภาษีนั้น ให้โบรกเกอร์ที่เป็นตัวแทนของผู้ขายหลักทรัพย์ เป็นผู้หักภาษีธุรกิจเฉพาะจากเงินที่ขาย และเป็นผู้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชำระภาษีแทนผู้ขาย โดยที่ผู้ขายไม่ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีอีก โดยคาดว่าจะจัดเก็บรายได้ 1-2 หมื่นล้านบาท