นาทีนี้ ในโลกออนไลน์ของสังคมไทย ต่างพูดถึงกรณีที่ นพ.บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์ ว่ามีการจอง “วัคซีนโนวาแวกซ์” 10 ล้านโด๊สแล้ว คาดว่าจะได้รับในเดือนมกราคม 65 จนทำให้วัคซีนตัวนี้กำลังเป็นที่สนใจของคนไทยนั้น

สำหรับ “วัคซีนโนวาแวกซ์” เป็นหนึ่งในวัคซีนหลักของโครงการ Covax ในการกระจายวัคซีนให้ประเทศที่มีร้ายได้น้อยและปานกลางทั่วโลก เมื่อเดือนที่แล้วเพิ่งได้เผยผลการทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 ว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่า 90% ก็เลยถูกจับตาว่าเป็นวัคซีนความหวังโลก ผู้ผลิตวัคซีนโนวาแวค เผยว่า วัคซีนของตนป้องกันไวรัสโควิดได้หลากหลายสายพันธุ์ รวมถึงสายพันธุ์เดลตาด้วย

ชื่ออย่างเป็นทางการ : วัคซีน NVX-CoV2373
ผลิตโดย : บริษัท Novavax รัฐ Maryland ประเทศสหรัฐอเมริกา
ชนิดของวัคซีน : protein-based
อายุที่ฉีดได้ : อายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไป แต่กำลังทดลองกับอายุ 14-17 ปี
ประสิทธิภาพ : ป้องกันอาการป่วยรุนแรงได้ 90.4%
จำนวนเข็ม : 2 เข็ม เข็มแรกห่างจากเข็มที่ 2 ราว 3 สัปดาห์ หรือประมาณ 21 วัน

การป้องกันโควิด-19สายพันธุ์ต่างๆ
สายพันธุ์ดั้งเดิม : 96.4%
สายพันธุ์อัลฟา : 86%
สายพันธุ์เบตา : 55%
สายพันธุ์เดลตา : ป้องกันได้แต่ยังอยู่ในระหว่างการวิจัย

สำหรับเทคโนโลยี “วัคซีนโนวาแวกซ์” ซึ่งใช้การผลิตแบบใช้โปรตีน (Protein-nanoparticle Vaccine) หมายความว่า เป็นวัคซีนที่ใช้ชิ้นส่วนโปรตีนของโคโรน่าไวรัสมาผลิต เช่น ใช้โปรตีนส่วนหนามของไวรัสมารวมกับสารกระตุ้นภูมิต้านทาน มาฉีดกระตุ้นเพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสขึ้นมา ด้วยวิธีนี้จะสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้มากกว่า 3,000 titers

ตัวเลขนี้ถือว่า “มากที่สุด” เมื่อเทียบของเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนแบบไวรัลเวกเตอร์ที่ใช้ใน วัคซีนโควิดแอสตราเซเนกา (Astrazeneca) และ วัคซีนโควิดสปุตนิก วี (Sputnik V) ซึ่งระบุว่า สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้มากกว่า 200 titers รวมทั้งเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนแบบ mRNA ที่ใช้ใน วัคซีนโควิดไฟเซอร์ (Pfizer) และ วัคซีนโควิดโมเดอร์นา (Moderna) ซึ่งระบุว่า สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้มากกว่า 300 titers

ผลข้างเคียงของ “วัคซีนโนวาแวกซ์”
อาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ บริเวณที่ฉีดยาปวด บวม แดง รู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยล้าหรือบางคนอาจมีอาการปวดศีรษะ ล่าสุดยังไม่มีรายงานถึงผลข้างเคียงรุนแรงจากวัคซีนชนิดนี้
แต่ยังคงมีข้อห้ามในการฉีดวัคซีนโควิดโนวาแวกซ์ เช่นเดียวกับวัคซีนโควิดชนิดอื่นๆ ได้แก่
-ห้ามฉีดในผู้ที่มีอาการแพ้รุนแรงจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 ครั้งก่อนๆ
-ห้ามฉีดในผู้ที่มีอาการแพ้ส่วนประกอบของวัคซีน
-ห้ามฉีดในผู้ที่อาหารภูมิแพ้อย่างรุนแรง
-ห้ามฉีดในผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
-ห้ามฉีดในผู้หญิงที่อยู่ระหว่างตั้งครรภ์

วัคซีน Novavax ต่างจาก Pfizer และ Moderna อย่างไร?
ทั้ง Pfizer และ Moderna ต่างก็เป็นวัคซีนในกลุ่ม mRNA อันเป็นเทคโนโลยีที่มีการวิจัยมาอย่างยาวนานแต่ไม่เคยใช้งานจริงมาก่อน พูดง่าย ๆ ก็คือ mRNA เป็นชุดคำสั่งที่บอกให้ร่างกายมนุษย์เรียนรู้วิธีการผลิต “โปรตีนส่วนหนาม (spike protein)” ของไวรัสโคโรนาขึ้น จากนั้น ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายก็จะตรวจพบโปรตีนดังกล่าว และสร้างแอนติบอดีขึ้นมาเพื่อป้องกันการติดเชื้อ

แต่ในทางกลับกัน “โนวาแวกซ์” มีวิธีป้องกันการติดเชื้อที่ลัดกว่าการใช้เทคโนโลยี mRNA โดย “Novavax” จะมีโปรตีนส่วนหนามของไวรัสอยู่ในโดส (Subunit Protein) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีแบบดั้งเดิมที่มีการทดลองใช้มาตั้งแต่ปี 1986 เรียกว่าเป็นวิธีการย่อยโปรตีน และเป็นวิธีการแบบเดียวกันกับวัคซีนไวรัสตับอักเสบ B โรคไอกรน และไข้หวัดใหญ่

หรือจะกล่าวได้ง่ายๆก็คือ “วัคซีน mRNA จะสอนให้ร่างกายของเราเรียนรู้วิธีสร้างโปรตีนส่วนหนาม ในขณะที่วัคซีน Novavax นั้นผลิตขึ้นจากโปรตีนส่วนหนามเพื่อส่งเข้ามาผสมกับภูมิคุ้มกันในร่างกายเราโดยตรงโดยไม่มีอันตราย ทำให้วัคซีนโควิโนวาแวกซ์เป็นวัคซีนโควิดไม่กี่ชนิด ที่มีความปลอดภัยต่อผู้มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง”

ทั้งนี้ “Novavax” เป็นวัคซีนยังไม่พร้อมที่จะออกสู่ตลาด แม้นักวิทยาศาสตร์จะหวังว่าวัคซีนตัวใหม่ซึ่งใช้เทคโนโลยีแบบดั้งเดิมนี้อาจลดความลังเลใจของประชาชนในการรับวัคซีนได้มากกว่าวัคซีนที่ใช้เทคโนโลยีใหม่อย่าง mRNA ทั้งยังสามารถแจกจ่ายให้กับประเทศทั่วโลกได้ง่ายขึ้น ซึ่งในส่วนนี้นี่เอง อาจเป็นจุดเปลี่ยนในการต่อสู้ระดับโลกเพื่อป้องกันโควิด-19 ในอนาคตได้อีกด้วย..

ขอบคุณภาพจาก @Reuters,@Getty Image