เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานจากแหล่งข่าวในกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้ข้อมูลว่าตามที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ ตรวจพบว่ามีการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้าง (ขนำที่พักชั่วคราวของชาวประมง) บริเวณเกาะพีพีดอน จำนวน 3 จุด ได้แก่ อ่าวลันตี อ่าวผักหนาม อ่าวโล๊ะลานา ท้องที่หมู่ 7 และหมู่ที่ 8 ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 64 คณะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ลงดูพื้นที่ดังกล่าวบริเวณอ่าวลันตี อ่าวผักหนาม และลงพื้นที่ดูลักษณะสิ่งก่อสร้าง (ขนำที่พักกึ่งถาวรของชาวประมง) ที่อ่าวโล๊ะลานา และได้ทราบข้อมูลจากผู้นำท้องถิ่นในพื้นที่ ว่าทางกลุ่มชาวประมงชาวเล ได้มาปลูกสิ่งปลูกสร้างและอยู่อาศัยเพื่อทำการประมง เป็นชาวเลเกาะจำ อ.เหนือคลอง

โดยก่อนหน้านี้เมื่อปี 2546 เคยเข้ามาอยู่ในลักษณะแบบนี้มาแล้วที่เกาะไผ่ หมู่ 8 ต.อ่าวนาง และทาง จ.กระบี่ ได้มีคำสั่งให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากเขตอุทยานฯ แล้วครั้งหนึ่ง และกรณีที่พบว่ากลุ่มชาวเล ได้เข้าไปทำการสร้างที่อยู่อาศัยทั้ง 3 จุด ทางอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ได้มีการตรวจสอบและออกประกาศให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง (ขนำที่พักชั่วคราวของชาวประมง) บริเวณเกาะพีพีดอน ท้องที่หมู่ที่ 7 และหมู่ที่ 8 ต.อ่าวนาง จำนวน 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 64 ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 64 และต่อมาทางอุทยานแห่งชาติฯ ได้มีประกาศ เมื่อวันที่ 5 ต.ค. 64 ชะลอการดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเพื่อเป็นการช่วยเหลือชาวประมงที่ได้รับความเดือดร้อน จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19)

ต่อมาเมื่อวันที่ 10 พ.ย. 64 เจ้าหน้าที่สำนักฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่อนุรักษ์ ลงพื้นที่ดำเนินการสำรวจสิ่งก่อสร้าง (ขนำที่พักกึ่งถาวร) จากการสำรวจพบสิ่งปลูกสร้างลักษณะกึ่งถาวร รวม 44 หลัง ซึ่งขัดแย้งกับคำกล่าวอ้างของชาวเลเกาะจำ ว่าได้มาอยู่ที่บริเวณดังกล่าวนานมาแล้วและบาฆั๊จ (เพิงพักชั่วคราว) ที่สร้างขึ้นใช้เพื่อหลบคลื่นลมก็พบว่าเป็นลักษณะสิ่งก่อสร้างกึ่งถาวร สร้างอยู่บริเวณโขดหินริมอ่าว มีเจตนาที่จะยึดถือครอบครองพื้นที่ในเขตอุทยาน

จากข้อเท็จจริง และผลการอ่าน แปล ตีความ และวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศ ขัดและแย้งกันกับคำกล่าวอ้างของชาวเลเกาะจำ ที่อ้างว่ามีการปลูกสร้างและพักอาศัยอยู่มานาน ซึ่งการกระทำดังกล่าว มีเจตนาที่จะยึดถือครอบครองพื้นที่อุทยานแห่งชาติฯ หากปล่อยไว้ อาจก่อให้เกิดปัญหาการบุกรุกเพิ่มเติม หรืออาจมีชาวประมงกลุ่มอื่น ๆ เข้ามาดำเนินการในลักษณะนี้จนบานปลายและยากแก่การแก้ไข และอาจจะเกิดปัญหามวลชนขึ้นได้ และเพื่อรักษาไว้ซึ่งสภาพป่า ความสวยงามตามธรรมชาติ รวมถึงระบบนิเวศโดยรอบ โดยได้มีความเห็นจากหลายฝ่ายในพื้นที่เห็นควรให้อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องและให้ผู้บุกรุกรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดออกจากพื้นที่ดังกล่าว.