เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวดราม่าที่กำลังร้อนแรงอยู่ในโลกออนไลน์อยู่ในขณะนี้ ภายหลังจากที่ “ตูน บอดี้สแลม” ประกาศจัดงานวิ่ง เพื่อนำเงินบริจาคมาเป็นทุนการศึกษาให้กับนักเรียน 109 คน แต่กลับถูกวิจารณ์อย่างร้อนแรง สำหรับใครที่กำลังสงสัยว่าเรื่องราวดังกล่าวกลายเป็นดราม่าขึ้นมาได้อย่างไรนั้น “เดลินิวส์” ได้สรุปเรื่องราวที่เกิดขึ้นดังนี้

ที่มาของดราม่า..
สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้น เริ่มจาก “ตูน บอดี้สแลม” เตรียมกลับมาวิ่งอีกครั้งเพื่อหาทุนการศึกษาให้กับน้อง ๆ ในโครงการ “ก้าวเพื่อน้อง ปีที่ 2” โดยในครั้งนี้จะวิ่ง 109 กม. เพื่อหาทุนให้นักเรียน 109 คนที่จบ ม.3 แต่ไม่มีทุนเรียนต่อ

ประเด็นที่ชาวเน็ตรุมวิจารณ์
หลังมีการประกาศจัดโครงการดังกล่าว ในโลกออนไลน์กลับเกิดกระแสวิจารณ์อย่างร้อนแรงสามารถแยกเป็นประเด็นได้ดังนี้

-ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน “ตูน บอดี้สแลม” ได้นัดโครงการ “ก้าวคนละก้าว” เนื่องจากห่วงสวัสดิการด้านสาธารณสุขของประชาชนที่เข้าถึงได้ช้า อีกทั้งยังบอกว่าวิ่งเพราะห่วงใยบุคลากรทางการแพทย์ แต่ตอนวิกฤติวัคซีนโควิด-19 ที่ผ่านมา บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนที่ตูนห่วงใยได้รับความเดือดร้อนในระดับความเป็นความตาย แต่ร็อกเกอร์คนดังกลับเงียบ ไม่แสดงตนเป็นปากเสียงเพื่อเรียกร้องวัคซีนดีๆให้บุคลากรทางการแพทย์และประชาชน ไม่แสดงความเห็นแม้จะมีการทวงถามจากชาวเน็ตหรือแฟนคลับ กลับเงียบกริบ อีกทั้งเมื่อกลุ่มนักร้อง นักดนตรีออกมาเรียกร้องการช่วยเหลือจากรัฐบาล “ตูน” ก็ยังคงเงียบกริบทั้งที่เป็นเพื่อนร่วมอาชีพ


-งบประมาณด้านการศึกษานั้น รัฐบาลมีงบประมาณเกินพอที่จะทำให้เด็กทั้ง 109 คนนี้และเด็กอื่น ๆ ทั่วประเทศได้เรียน แต่รัฐบาลกลับตัดงบการศึกษา โดยปัญหาดังกล่าวนี้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการที่จะต้องจัดการให้เด็กๆ ได้เรียนต่อ โดยการกุศลเป็นเรื่องดี แต่ไม่ควรเกิดขึ้นเป็นปกติเช่นนี้ รัฐบาลที่ปล่อยให้ประเทศขับเคลื่อนได้ด้วยการบริจาคคือความผิดพลาด โดยมีการทวงถามอีกด้วยว่า ตูนมองไม่เห็นความผิดปกตินี้บ้างเลยหรือ

-การวิ่งของตูนเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ซึ่งเมื่อมีการจัดโครงการรับบริจาค “ตูน” ได้รับคำสรรเสริญเยินยอ แต่ปัญหาไม่เคยได้รับการแก้ไข หากตูนต้องการเป็นกระบอกเสียงให้น้องๆ จริง ควรผลักดันให้เกิดระบบการศึกษาที่ดีกว่านี้ ทำให้เด็กเข้าถึงการศึกษาได้ในราคาถูก ตูนไม่จำเป็นต้องวิ่งเลย ขอแค่เรียกร้องระบบการตรวจสอบงบประมาณที่โปร่งใส อีกทั้งยังแนะนำว่าแทนที่จะวิ่งขอเงินจากคนจนเช่นที่ทำอยู่นี้ นักร้องคนดังสามารถใช้ชื่อเสียงและแพลตฟอร์มของตัวเองที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก มาให้ความรู้กับประชาชนว่ารัฐบาลที่ดีควรเป็นอย่างไร ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงมากกว่าการวิ่งเพื่อขอรับเงินอย่างที่เป็นอยู่อย่างแน่นอน

เหล่าคนดังร่วมวงแสดงความเห็น
คอมเมนต์ที่กำลังเป็นไวรัลในโลกออนไลน์มีทั้งผู้ที่เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าว และมองว่าการวิ่งรับบริจาค เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ จนทำให้โลกออนไลน์เกิดกระแสวิจารณ์อย่างหนักหน่วงอาทิ

“อิสระ ฮาตะ” ยูทูบเบอร์ชื่อดัง ที่คอมเมนต์ว่า “ถ้าวิ่ง 250 กิโลเพื่อขอเงินเดือนทั้งหมดจาก สว. 250 คน เอามาเป็นทุนการศึกษาให้น้อง ๆ ที่ด้อยโอกาส ผมจะไปวิ่งด้วยครับ”

“ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” ประธานและผู้ก่อตั้ง Miss Grand Internationa ได้โพสต์ข้อความระบุว่า “การช่วยเหลือเป็นสิ่งที่ดีแต่หน้าที่การช่วยเหลือและพัฒนาการศึกษา เป็นหน้าที่ของรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการ เพราะได้งบประมาณจากภาษีพวกเราไปปีละมหาศาล งบประมาณที่ได้ไป ไปไหนหมดครับ และที่สำคัญน้องในประเทศไทยที่ลำบากไม่ได้มีเพียงแค่ 109 คน แต่ลำบากกันหลายสิบล้านคน ถ้าอยากจะช่วยๆ เดินไปบอกนายกฯ และรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาให้พัฒนาการศึกษาและให้โอกาสการศึกษาแก่คนอย่างทั่วถึงดีกว่าครับ เพราะถ้ารัฐบาลไม่ช่วยเหลือต่อให้วิ่งอีก 100 รอบ ผลลัพธ์ก็ยังคงเท่าเดิม ขอบคุณเครดิตตามภาพครับ”

-รัฐพล พรรณเชษฐ์ หรือ “เภา” อดีตมือกีตาร์วง Bodyslam โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กเอาไว้ว่า “แซะตามกัน จนไม่ดูว่าอะไรจริงอะไรไม่จริง ไม่มีใครเถียงว่าระบบที่ดีย่อมดีกว่าแน่นอน แต่การกุศลมันกลายเป็นผู้ร้ายตั้งแต่เมื่อไหร่ มีประเทศไทยประเทศเดียวเหรอที่มีการรับบริจาค? ประเทศที่เจริญแล้วเค้าไม่มีมูลนิธิหรืองานการกุศลหรือยังไง? กับคนที่ไม่เห็นด้วยกับงานกุศลตั้งแต่ต้นยังเข้าใจได้ แต่พวกที่แซะตามกระแส ด่าตามๆ กัน แค่สนุกปากคืออะไร? แล้วคนที่หาว่าเค้าทำเพื่อเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง หาหลักฐานมาพิสูจน์ด้วยนะครับ ไม่ใช่ไปกล่าวหาเค้าลอยๆ เพราะถ้าไม่เป็นความจริง เค้าฟ้องคุณได้นะ”

ความเห็นชาวเน็ต
ในโลกออนไลน์ได้เกิดกระแสวิจารณ์ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างร้อนแรง โดยมีการติดแฮชแท็ก #พี่ตูนวิ่งทำไม เพื่อวิจารณ์เรื่องราวที่เกิดขึ้นกว่า 2.9 แสนครั้ง โดยส่วนใหญ่ต่างมองว่านักร้องดังควรตาสว่าง เห็นต้นตอปัญหาได้แล้ว อีกด้วย..