เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ที่ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บช.สอท. เมืองทองธานี พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท. พร้อมด้วย นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาฯ รรท.เลขาฯ กสทช. นายธวัช ไทรราหู ประธานชมรมตรวจสอบและป้องกันทุจริต ผู้แทนสมาคมธนาคารไทย และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติ “ระดมปราบปรามบัญชีม้าตัดวงจรหลอกลวงภัยออนไลน์” ระหว่างวันที่ 16-22 ธ.ค. 64 สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 26 ราย ตรวจยึดของกลางบัญชีธนาคารจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายกว่า 36 ล้านบาท

พล.ต.ท.กรไชย กล่าวว่า จากการจับกุมมีคดีสำคัญคือการจับกุมเอเย่นต์รับซื้อขายบัญชีม้า ซึ่งตำรวจไซเบอร์ได้นำกำลังเข้าค้นบ้านพักใน จ.ชลบุรี หลังสืบทราบว่าเป็นบ้านของขบวนการรับซื้อขายบัญชีม้า จากการตรวจค้นพบบัญชีธนาคารหลายธนาคารรวม 107 บัญชี ซึ่งเป็นของบุคคลต่างๆ รวมกว่า 60 คน จากการสอบสวนเจ้าของบ้านยอมรับว่า ได้รับซื้อบัญชีจากชาวบ้านในละแวก บัญชีละ 800-1,200 บาท ซึ่งแต่ละบัญชีจะต้องมีบัตร ATM หรือผูกกับแอปพลิเคชั่นธนาคารออนไลน์ไว้แล้ว นอกจากนี้ยังพบว่ามี 10 บัญชีจาก 107 บัญชี เคยถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับการซื้อขายบัญชีม้ามาแล้ว อีกทั้งลักษณะของถิ่นที่อยู่เจ้าของบัญชียังพบว่ามีลักษณะเกาะกลุ่มในพื้นที่เดียวกัน เช่น ตำบลเดียวกัน หมู่บ้านเดียวกัน โดยมักจะเป็นชุมชนของกลุ่มผู้มีรายได้น้อย

เบื้องต้นเจ้าของบัญชีเหล่านี้จะถือว่ามีความผิดเสมือนตัวการที่นำบัญชีไปกระทำความผิด เข้าข่ายความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ตาม ป.อาญา มาตรา 343 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ, ร่วมกันโดยทุจริตหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้ออมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน โดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(1) มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ ร่วมกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 60 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 10.000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

พล.ต.ท.กรไขย ยังระบุอีกว่า เบื้องต้นได้ออกหมายจับเจ้าของบัญชีม้าทั้งหมด 518 หมายจับ แบ่งเป็นหมายจับของตำรวจไซเบอร์กว่า 100 หมายจับ และของตำรวจท้องที่อีกกว่า 400 หมายจับ ซึ่งบัญชีม้าส่วนใหญ่ที่พบเป็นเยาวชน บางคนอายุต่ำกว่า 15 ปี ที่มีเงินหมุนเวียนเข้าออกเป็นจำนวนมาก จึงได้ประสานกับสมาคมธนาคารฯ ให้เฝ้าจับตาความเคลื่อนไหวของเงินจำนวนมากผิดปกติในบัญชีเยาวชนอายุต่ำกว่า 15 ปี ยืนยันไม่ได้เป็นการคุกคามสิทธิส่วนบุคคลของประชาชนทั่วไป

ทั้งนี้มีรายงานว่าก่อนหน้าจะมีการระดมกวาดล้าง บช.สอท. มีการตรวจสอบและจับกุมบัญชีม้าเพื่อตัดวงจรหลอกลวงภัยออนไลน์จับกุมผู้ต้องหา มาแล้วกว่า 131 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 300 ล้านบาท

ขณะที่นายธวัช ไทรราหู ผู้แทนสมาคมธนาคารไทย ยอมรับว่าในการติดตามเงินของผู้เสียหายยังมีอุปสรรคเรื่องของระยะเวลาในการประสานงานระหว่างหน่วยงาน และกรอบอำนาจตามกฎหมายที่จะแก้ปัญหาให้ทันสถานการณ์ แต่ขณะนี้ก็ได้มีการตั้งคณะทำงานไปทำงานร่วมกับตำรวจไซเบอร์ เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว.