เมื่อวันที่ 16 ก.ค. นายเตช บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทย ลงนามในหนังสือด่วนที่สุดถึงผู้ว่าราชการจังหวัด ลงวันที่ 15 ก.ค.โดยมีใจความสรุปว่า เนื่องจากสภากาชาดไทยได้สั่งจองวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิดโมเดอร์นา (Moderna) จำนวนหนึ่งจากผู้แทนจำหน่ายในประเทศไทยผ่านองค์การเภสัชกรรม เพื่อนำมาฉีดบริการให้ประชาชนกลุ่มเปราะบางและกลุ่มต่างๆ โดยไม่คิดมูลค่า ตามพันธกิจของสภากาชาดไทย และได้จัดสรรวัคซีนจำนวนหนึ่งให้แก่ องค์การบริหารส่วนจังหวัด เพื่อนำไปฉีดให้กับประชาชนกลุ่มเปราะบางและกลุ่มต่างๆ ในพื้นที่ โดยมีเงื่อนไขสำคัญว่าต้องดำเนินการฉีดให้แก่ประชาชนโดยไม่คิดมูลค่า และแผนการฉีดวัคซีนดังกล่าวต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการควบคุมโรคจังหวัด และเงื่อนไขอื่นๆ โดยขอให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดในพื้นที่ที่มีความประสงค์จะซื้อวัคซีนไปฉีดบริการให้กับประชาชน กรุณาแจ้งมายังสภากาชาดไทย ภายในวันที่ 21 ก.ค.2564 นี้

สำหรับรายละเอียดเงื่อนไขคือ  1. องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ต้องจัดทำแผนการขอรับการจัดสรรวัคซีนเพื่อนำวัคซีนไปฉีดให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมาย ตามที่สภากาชาดไทยกำหนด พร้อมจำนวนคนในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย จำนวน 5 กลุ่ม ตามลำดับ ได้แก่ 1) คนพิการ ผู้ป่วยติดเตียง สตรีตั้งครรภ์ ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 มาก่อน 2) ผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 มาก่อน 3) บุคลากรทางการแพทย์และพยาบาล ในถิ่นทุรกันดาร 4) ผู้ที่ทำงานประจำอยู่ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ครูผู้สอนในโรงเรียนอนุบาล หรือครู อาจารย์ ผู้ที่ทำหน้าที่สอนหนังสือในโรงเรียน ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 มาก่อน 5) บุคลากรที่ต้องออกปฏิบัติงานสัมผัสประชาชน ตามโครงการฉีดวัคนของ อบจ. ที่ยังไม่เคยได้รับวัคนป้องกันโรคโควิด-19 มาก่อน และบุคคลที่ยังไม่สามารถรับการฉีดวัคนได้ เนื่องจากติดขัดระเบียบหรือกฎหมาย

2. อบจ. ต้องเสนอแผนการขอรับการจัดสรรวัคซีน โดยต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัด 3. เงื่อนไขที่สำคัญ ที่ อบจ. ต้องดำเนินการดังนี้ 1) อบจ. ที่ต้องการเข้าร่วมโครงการกับสภากาชาดไทย ต้องสนับสนุนงบประมาณค่าวัคซีนโมเดอร์นา ราคาโด๊สละ 1,300 บาท ให้แก่ สภากาชาดไทย เพื่อนำไปจัดซื้อวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 Moderna มาให้ อบจ. สำหรับเงินค่าวัคซีน โด๊สละ 1,300 บาท นั้น เมื่อหักต้นทุนวัคซีนและค่าบริหารจัดการตามโครงการแล้ว เงินส่วนที่เหลือจากค่าใช้จ่ายดังกล่าว จะได้นำเข้าสมทบใน “กองทุนสภากาชาดไทย เพื่อจัดหาวัคซีนโควิด-19 และยารักษาโรคโควิด-19 สำหรับประชาชน” ต่อไป 2) อบจ. ต้องจัดบริการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน กลุ่มเป้าหมาย โดยไม่คิดมูลค่าและห้ามนำไปจำหน่ายโดยเด็ดขาด 3) เมื่อสภากาชาดไทย แจ้งการจัดสรรโควตา ให้ อบจ. แล้วขอให้ชำระเงินเต็มตามจำนวนที่ได้รับอนุมัติจากสภากาชาดไทย ภายในวันที่ 23 ก.ค. 2564 ก่อนเวลา 12.00 น. 4) สภากาชาดไทยจะทยอยจัดสรรวัคซีนได้ ตั้งแต่เดือน ต.ค. 2564 เป็นต้นไป

หมายเหตุ : หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และหรือวิทยาการความก้าวหน้าของวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เปลี่ยนแปลงไป สภากาชาดไทยจะพิจารณาเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขตามความเหมาะสมกับสถานการณ์ต่อไป.