จากกรณีโลกออนไลน์เผยคลิป ชายตัดผมเกรียนอ้างตัวเป็นทหารเรือยศ นาวาเอก กำลังด่าทอตำรวจด้วยถ้อยคำหยาบคาย ในร้านอาหารแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ทั้งยังโวยวายอ้างว่าตัวเองเป็นเพื่อนกับ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล “บิ๊กโจ๊ก” ผู้ช่วยผบ.ตร. หรือ รวมทั้งเรียก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าพี่สามารถสั่งย้ายตำรวจกลุ่มนี้ได้ทั้งโรงพัก ทั้งยังระบุด้วยว่า ตำรวจเป็นแค่ชั้นผู้น้อย อย่ามามีปัญหากับตนเอง “ที่นี่มันสัตหีบ” ซึ่งผู้ที่พบเห็นต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันไปเป็นวงกว้าง

ใหญ่คับสัตหีบ! น.อ.เมากร่างขู่ย้ายตร. อ้างเป็นเพื่อน ‘บิ๊กโจ๊ก’ เป็นน้อง ‘บิ๊กตู่’

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผบ.ตร. ได้เปิดเผยกับ “เดลินิวส์ออนไลน์” ว่า ตนยังไม่เห็นคลิปดังกล่าว จึงยังไม่ทราบว่ามีการไปอ้างว่าเป็นเพื่อนตนอย่างไร ทั้งนี้ในรุ่นเตรียมทหาร 31 นั้น ย่อมมีคนที่ไปเป็นทหารเรือร่วมอยู่ด้วย เพราะหลังจากจบเตรียมทหารก็ต้องแยกไปสังกัดเหล่าทัพ ดังนั้นหากชายในคลิปเป็นทหารเรือจริง แล้วอยู่ในรุ่นเตรียมทหาร 31 จะบอกว่าเป็นเพื่อนกันนั้น ก็เป็นข้อเท็จจริงที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้

อย่างไรก็ตาม โดยหลักการของโรงเรียนเตรียมทหาร ได้มีการอบรมสั่งสอน ฟูมฟัก ให้นักเรียนเตรียมทหารทุกคนเป็นคนดี ทำความดีเพื่อประเทศชาติ กรณีที่เกิดขึ้น หากมีอะไรที่ไม่เหมาะสม ให้ถือว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวกับรุ่นแต่อย่างใด อีกทั้งการเป็นข้าราชการต้องระลึกเสมอว่า ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ประชาชน หากไปประพฤติตนไม่ดี นอกจากจะมีความผิดทางอาญาแล้ว ก็ยังมีความผิดทางวินัยด้วย ดังนั้น กรณีที่เกิดขึ้นทางต้นสังกัดโดยผู้บังคับัญชาต้องเป็นผู้ดำเนินการสอบสวนให้เกิดความชัดเจน และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีที่ สมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทยให้ฉายาตนว่า “โจ๊ก บิ๊กคัมแบ๊ก”นั้น ส่วนตัวต้องขอบคุณสื่อที่ยังคงคิดถึง และเห็นว่าตนยังทำงานเพื่อชาติเพื่อบ้านเมืองอยู่ ฉายาที่มอบให้ไม่ได้เสียหายอะไร ตนยังคงทำงานเพื่อประชาชนต่อไป.