เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT พล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. แถลงผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทั่วประเทศ ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ทุกหน่วยเร่งระดมกวาดล้างอาชญากรรมทั่วไปและอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ตั้งแต่ 25 ธ.ค.64 – 3 ม.ค.65 เพราะเป็นช่วงที่ประชาชนเดินทางกลับบ้าน และมีการสังสรรค์ เกรงจะมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น
ซึ่งจากผลการระดมกวาดล้างสามารถจับกุมการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้ทั้งสิ้น จำนวน 3,634 ราย โดยแบ่งเป็น 5 ประเภทได้แก่ การหลอกลวงทางออนไลน์ 238 คดี, การหลอกลวงจำหน่ายสินค้าออนไลน์และสินค้าผิดกฎหมาย 335 คดี, การเผยแพร่ข่าวปลอมและคดีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ 878 คดี, การล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กหรือสตรีทางอินเทอร์เน็ตและค้ามนุษย์ 194 คดี และการพนันออนไลน์ อาชญากรรมข้ามชาติ และอื่นๆ อีก 1,989 คดี รวมมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 356 ล้านบาท โดยพบเป็นเงินทุนหมุนเวียนที่เกี่ยวกับการพนันออนไลน์ถึง 335 ล้านบาท

รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม. หัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 1 พร้อมกำลังสืบสวนปราบปราบอาชญากรรมออนไลน์ รวมถึงการลักลอบจำหน่ายสิ่งของผิดกฎหมายต่างๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น ยาเสพติด อาวุธปืน ซึ่งจากการสืบสวนพบว่าร้านค้าออนไลน์หลายรายได้จำหน่ายสิ่งเทียมอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน ส่วนประกอบอาวุธปืน ออกไปแล้วจำนวนมาก
หลังจากได้เป้าหมายแล้ว ได้ประสานไปยังตำรวจภูธร ภาค 1-9 ตำรวจนครบาล ตรวจคนเข้าเมือง และตำรวจท่องเที่ยว ร่วมปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย โดยเน้นไปยังกลุ่มที่สั่งซื้อสิ่งเทียมอาวุธปืน (บีบีกัน) ส่วนประกอบอาวุธปืน เช่นลำกล้อง ชุดอุปกรณ์ลั่นไก เพื่อนำไปดัดแปลงให้สามารถยิงกระสุนจริงออกมาได้ และกลุ่มที่สั่งซื้อเครื่องกระสุนปืนเพื่อนำไปใช้กับอาวุธปืนผิดกฎหมายได้ใช้การประกาศโฆษณาขายสินค้าโดยทำการอำพรางชื่อเพื่อป้องกันการถูกตรวจสอบ

โดยในวันที่ 3 ม.ค.65 ได้ทำการปิดล้อมตรวจค้น 60 เป้าหมาย สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 31 ราย พร้อมของกลาง 5 รายการ ดังนี้ 1.อาวุธปืนสงคราม 1 กระบอก 2.อาวุธปืน 49 กระบอก 3.เครื่องกระสุนปืน 1,566 นัด 4.ยาบ้า 203 เม็ด 5.ยาไอซ์ 2.85 กรัม และ 6.กัญชาอัดแท่ง 15 กรัม ซึ่งจุดที่พบอาวุธปืนมากที่สุด อยู่ในพื้นที่สถานีตำรวจภูธรสำโรงเหนือ จังหวัดสมุทรปราการ คาดว่า เป็นจุดที่ใช้ประกอบปืนก่อนนำมาจำหน่าย เบื้องต้น จากการสอบสวนผู้ต้องหาส่วนหนึ่งรับว่า อาวุธดังกล่าวมีไว้ป้องกันตัว หรืออวดผู้อื่น แต่จากการสืบสวนพบอีกบางส่วน มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดด้วย โดยจากนี้จะมีการขยายผลถึงเส้นทางการเงินและร้านค้าที่ลักลอบขายอาวุธปืนออนไลน์ต่อไป
นอกจากนี้ทางชุดศปอส.ตร.ชุดที่ 2 ยังได้จับกุมพนันออนไลน์เครือข่าย “ไพลิน ออนไลน์” ซึ่งจัดให้มีการเล่นการพนันกำถั่วในกลุ่มไลน์ มีสมาชิกกว่า 3 พันคน เงินหมุนเวียน 300 ล้านบาทต่อเดือน เจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาได้ 8 ราย ขณะไลฟ์สดเล่นการพนันอยู่ที่บ้านไม่มีเลขที่ หมู่ 1 ถนนพุทธมณฑลสาย 2 กรุงเทพฯ และชุดศปอส.ตร.ชุดที่ 4 ได้จับกุมผู้ลักลอบค้าอาวุธปืนออนไลน์ และจับผู้ต้องหาบ้านเอ็ม แชร์ออนไลน์ มีผู้เสียหาย 50 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท