เมื่อวันที่ 17 ม.ค. ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เป็นประธานประชุมคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2565 ผ่านระบบประชุมทางไกล ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อเน้นในเรื่องแนวทางการยึดทรัพย์ ตัดวงจรยาเสพติด และการดำเนินงานตามข้อสั่งการและนโยบายของนายกรัฐมนตรี  

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีนักโทษคดียาเสพติดประมาณ 186,500 กว่าราย ในจำนวนนี้มีผู้ต้องขังที่ได้ยื่นคำร้องขอทบทวนกำหนดโทษใหม่ 9.2 หมื่นราย ซึ่งได้รับการพิจารณาเปลี่ยนแปลงโทษปล่อยตัวแล้ว 32 ราย และได้รับการพิจารณาเปลี่ยนแปลงลดโทษ 1,028 ราย ยกคำร้อง 805 ราย รวมมีผู้ได้รับการพิจารณาโทษใหม่แล้วประมาณ 2,000 พันราย 

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ผู้ต้องขังคดียาเสพติดอีกกว่าครึ่งได้รับการปรับลดหย่อนโทษลงมา ซึ่งเป็นไปตามประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ ที่มีผลบังคับใช้เมื่อเดือน ธ.ค. 64 ทำให้ผู้ต้องขังคดียาเสพติดได้รับประโยชน์ โดยประมวลกฎหมายดังกล่าวเน้นยึดทรัพย์และขยายผลลงโทษหนักผู้ผลิต ส่วนผู้เสพหรือผู้ส่ง จะได้ปรับโทษตามเหตุ โดยมีตัวชี้วัดที่เคยวางกรอบไว้ว่าในแต่ละปีต้องยึดทรัพย์ให้ได้อย่างน้อย 6 พันล้านบาท ถ้ายึดทรัพย์ได้มากเท่าไหร่จะเป็นคะแนนบวกให้หน่วยงานที่เข้ามาบูรณาการและหน่วยงานเฉพาะกิจ ซึ่งวันนี้ ป.ป.ส. ยังจัดอบรมนักสืบทรัพย์โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญจากศาล อัยการ นักบัญชี ดีเอสไอมาให้ความรู้ที่ชัดเจน หลังการอบรมจะทำให้มีนักสืบทรัพย์เพิ่มขึ้นทั่วประเทศ

“หากดูจากตัวเลขปริมาณยาเสพติดและสารเสพติด ต้องยอมรับว่าแม้จะจับยาบ้าจับได้เพิ่มขึ้น แต่การสั่งเครื่องจักรเข้ามาผลิตยาสามารถนำเข้ามาได้ง่ายมาก จึงต้องร่วมกันหาแนวทางสกัดกั้นเครื่องจักรและการนำเข้าสารตั้งต้น โดย ป.ป.ส. ต้องหารือกับกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขงต่อเนื่องและกดดันให้เป็นไปตามทิศทางต่างๆ  สำหรับการประชุมนอกจากการอบรมนักสืบทรัพย์แล้วจะมีการการพิจารณาเรื่องตั้งคณะ กรรมการติดตามยึดทรัพย์และการปฏิบัติตามแผนป้องกันปราบปรามของนายกฯ ที่ให้นโยบายไว้ด้วย” รมว.ยุติธรรม กล่าว