เมื่อวันที่ 26 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีเพจ โหดจัง – จังหวัดภูเก็ต โพสต์ข้อความ แม่รายหนึ่งร้องสื่อ หลังกระดุมเสื้อติดในจมูกลูกสาววัย 2 ขวบ พาไปหาหมอโรงพยาบาลรัฐ ตรวจแค่ 5 นาที บอกไม่เจอให้กลับบ้านแล้วบอกให้มาใหม่พรุ่งนี้แต่ถ้ารีบให้ไปหาโรงพยาบาลเอกชน โดยอ้างว่าหมอมีเคสด่วนต้องตรวจก่อน จากนั้นแม่ไม่นิ่งนอนใจรีบพาลูกสาวไปโรงพยาบาลเอกชน หมอตรวจพบว่า มีกระดุมติดอยู่ในโพรงจมูกลูกสาว จึงลงพื้นที่ตรวจสอบ พบกับนางพิจิตรา (ขอสงวนนามสกุล) แม่ของหนูน้อยวัย 2 ขวบ เบื้องต้นเล่าให้ฟังเตือนเป็นอุทาหรณ์ เกี่ยวกับพฤติกรรมของหมอโรงพยาบาลของรัฐ ว่า เมื่อวันที่ 24 ม.ค. เวลาประมาณ 19.00 น. ที่บ้านโทรฯ​ มาบอกว่าน้องเอากระดุมใส่เข้าไปในจมูกแล้วพยายามเอาออกแต่กลับสูดเข้าไปลึกเอาออกไม่ได้ เลยรีบกลับบ้านพาไปโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง ถึงประมาณ 19:20 น. ก็รอคิวตรวจประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆ จากนั้นคุณหมอ ไม่ได้ดูชื่อไม่ทราบชื่ออะไร ส่องดูหูกับจมูก 2 อย่าง แล้วบอกว่าไม่เจอ ก่อนถามว่าแม่เห็นใช่ไหมว่าอยู่ในจมูก ซึ่งพี่เลี้ยงน้องเห็น แต่หมอบอกว่าไม่มีหมอดูแล้ว จากนั้นก็ถามน้องว่าเจ็บข้างไหนน้องก็บอกว่าข้างขวา หมอกดข้างขวาน้องก็บอกว่าเจ็บ หมอกดข้างซ้ายน้องก็บอกว่าเจ็บแล้วหมอบอกว่าไม่มีนะแม่

หมอยังบอกย้ำอีกว่ามันไม่มีค่ะ เหมือนกับจะให้เรากลับแต่แม่บอกว่าแม่รอมาตั้งนานจะตรวจแค่นี้หรือ หมอก็บอกว่าถ้าคุณแม่ไม่สบายใจจะมาพรุ่งนี้เช้าไหม แม่ก็เลยบอกว่าถ้ามาพรุ่งนี้เช้าแล้วคืนนี้น้องเป็นอะไรไปจะทำยังไง หมอบอกว่าพยาบาลด้านหน้าประเมินมาแล้ว ว่าน้องอาการไม่ค่อยหนักเอาคิวที่หนักก่อน ถ้าแม่ไม่สบายใจก็มาหาหมอเฉพาะทางพรุ่งนี้ แม่บอกว่าถ้าคืนนี้เป็นอะไรจะทำยังไง หมอก็ยืนยันว่าน้องไม่เป็นอะไรและไม่มีอาการเล็บม่วง หมอจะทำใบนัดให้ถ้าไม่สบายใจให้มาพรุ่งนี้ แล้วหมอก็ไปเลยขณะที่น้องพูดได้เป็นคำๆ คือเจ็บ หมอก็บอกว่า ถ้าแม่ไม่รอพรุ่งนี้ก็พาไปโรงพยาบาลเอกชน เพราะว่าทำอะไรไม่ได้ จากนั้นหมอก็เข้าไปข้างในทิ้งแม่กับน้องไว้ตรงนั้น

จากนั้นไม่นาน ก็มีบุรุษพยาบาลเอารถเข็นมาเข็นน้องไปเอกซเรย์ แล้วกลับออกมาแจ้งว่าไม่เห็นอะไรไม่มีอะไร แม่ก็ถามว่าเป็นไปได้ไหมที่จะหล่นลงไปในกระเพาะอาหารพร้อมถามต่อว่าจะไม่อันตรายใช่ไหมถ้าลงไปแล้วเขาบอกว่าไม่อันตรายแล้ว เพราะมันอยู่ในท่ออาหารแล้ว หมอก็พูดแล้วว่ามันไม่มีอะไร รอสักพักก็ไม่เจอหมอ แล้วเขาก็เอาใบเสร็จใบเดียวให้ไปจ่ายเงิน แม่ก็ขอใบรับรองแพทย์ยืนยันว่าน้องไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ พอจ่ายเงินเสร็จก็พาน้องกลับบ้านแต่พี่เลี้ยงน้องที่บ้านยังไม่เชื่อว่ามันไม่มีเพราะน้องยังมีอาการเหนื่อยเวลาพูด ก็เลยเอาไฟฉายส่องดูในโพรงจมูกก็เห็น ซึ่งแค่ไฟฉายบ้านๆ​ ส่องดูยังมองเห็นก็เลยรีบพาน้องไปโรงพยาบาลเอกชน

เมื่อไปถึงก็แจ้งกับทางพยาบาลที่รับเรื่องถึงกรณีที่เกิดขึ้นกับโรงพยาบาลแรก ว่าเขาบอกว่าไม่มี จากนั้นพาน้องเข้าไปบอกให้รอตรวจดูก่อน เข้าไปไม่ถึง 20 นาที ปรากฏว่าใช่ไฟส่องดูก็เห็นเลยเหมือนกัน ไม่ได้เอกซเรย์อะไร จากนั้นหมอก็ดึงกระดุมออกมา ก็เลยขอกระดุมเม็ดนั้นกลับมาพร้อมขอใบรับรองแพทย์มาด้วย พอออกจากโรงพยาบาล ก็พาน้องกลับไปโรงพยาบาลรัฐอีกรอบ เพื่อไปติดต่อหน้าห้องฉุกเฉินว่าขอพบหมอที่ออกใบรับรองแพทย์ แล้วบอกว่ามีกระดุมติดอยู่และหมอโรงพยาบาลเอกชนเอาออกมาได้จริงๆ ซึ่งหมอที่นั่นก็เป็นหมอเวรธรรมดา ไม่เป็นหมอเฉพาะทางและไม่ได้ทำอะไรมากแค่ส่องอย่างเดียว แต่หมอโรงพยาบาลรัฐไม่มีใครยอมออกมา มีแต่พยาบาลออกมาเพียง 2 คน บอกว่าเป็นหัวหน้าเวร ก็อธิบายให้เขาฟังไปแล้วทุกอย่าง เขาบอกว่าถ้าแม่ไม่โอเค สามารถเขียนร้องเรียนได้ แต่เขียนร้องเรียนในที่นี้ไม่ได้เขียนว่าโรงพยาบาลไม่ดี แค่เฉพาะที่เป็นความผิดพลาดของหมอ ซึ่งแม่ก็เป็นคนธรรมดาก็ต้องเชื่อหมออยู่แล้ว ซึ่งถ้าไม่ได้กลับไปส่องดูให้แน่ใจอีกครั้งกระดุมมันก็ติดอยู่ในจมูกนานๆ​ อาจเป็นอันตรายได้ จึงอยากฝากเตือนว่าบางครั้งเราต้องสังเกตลูกด้วย อย่าเชื่อหมออย่างเดียว เพราะไม่งั้นป่านนี้ไม่รู้ว่าลูกจะเป็นอย่างไร