จากกรณีผู้ต้องขังชายคดียาเสพติด 4 ราย แหกคุกเรือนจำ จ.เพชรบูรณ์ และต่อมาทางเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์และตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวได้ทั้งหมด โดยประกาศให้เงินรางวัลนำจับรายละ 1 แสนบาท สำหรับผู้ที่แจ้งเบาะแส ตามข่าวที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันที่ 20 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในกลุ่มชาวบ้านและประชาชนมีการพูดถึงและตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับรางวัลนำจับว่าใครจะได้ เนื่องจากมีประชาชนแจ้งเบาะแสกับทางตำรวจผ่านช่องทางการสื่อสารต่างๆ จนได้สามารถติดตามจับกุมผู้ต้องขังหลบหนีได้ทั้งหมด

รวบแล้ว 1! ปูพรมล่าอีก 3 แก๊งผู้ต้องขังคดียาแหกคุกเรือนจำเพชรบูรณ์

ต่อมานายกฤษณ์ คงเมือง ผวจ.เพชรบูรณ์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อคืนที่ผ่านมาก่อนจะถูกลบไปในตอนเช้าว่า… “ตำรวจ เรือนจำ และผู้เกี่ยวข้อง ตามจับได้ครบแล้วทั้ง 4 คนครับ (นักโทษหลบหนี)”… จากนั้นได้ประชาชนเข้าไปแสดงความเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่แสดงความโล่งใจหลังกังวลถึงความปลอดภัยมาตลอดทั้งวัน รวมไปถึงแสดงความชื่นชมตำรวจและเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ที่สามารถติดตามจับกุมได้อย่างรวดเร็วภายในวันเดียว นอกจากนี้ยังผู้โพสต์แสดงความเห็นถึงเงินรางวัลนำจับด้วยว่า “ใครได้รางวัลนำจับล่ะพี่” และมีคนหนึ่งเข้าไปตอบความเห็นสั้นๆ ว่า “รอดูกัน”

ด้านนายกฤษณ์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า เรื่องเงินรางวัลนำจับนั้น ตรงนี้เป็นระเบียบและเงื่อนไขของทางเรือนจำโดยตรง ตนไม่ทราบรายละเอียดมากนัก ขอให้ประชาชนสอบถามได้กับทางเรือนจำ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งจะให้คำตอบที่ชัดเจนและถูกต้องในการจ่ายเงินรางวัลนำจับให้กับผู้ชี้เบาะแส เพราะมีหลักเกณฑ์ ระเบียบ และเงื่อนไขตามข้อกำหนดราชการ ส่วนการลบโพสต์ไปก็เป็นธรรมดาที่ตนแจ้งข่าวสำคัญต่างๆ และมีคนดูและเห็นมากแล้วก็จะลบโพสต์ไปเป็นปกติอยู่แล้ว

ขณะที่ น.ส.มัลลิกา กันเกลี้ยง อายุ 22 ปี พนักงานร้านนันทิยาเฟอร์นิเจอร์ กล่าวว่า รายผู้ต้องขัง 2 รายที่จับได้พร้อมกันนั้น คนแรกได้วิ่งผ่านหน้าร้านแล้วเข้าไปในซอยหลบซ่อนตัวในป่าหลังร้าน โดยที่ข้อเท้ายังมีโซ่ตรวนติดอยู่ ตนพร้อมเพื่อนพนักงานและประชาชนในย่านนี้ เห็นจึงพยายามติดตามไปจะจับตัว โดยให้เจ้าของร้านโทรศัพท์แจ้งตำรวจ แต่พอเข้าไป คนร้ายได้ใช้ไขควงที่ถือในมือข่มขู่ ขณะนั้นเองมีพี่คนหนึ่งเป็นชายพนักงานส่งอาหารผ่านมาเห็นเหตุการณ์ จึงเข้าช่วยเหลือพวกตน และถือมีดปลายแหลมไปข่มขู่คนร้าย จึงยอมมอบตัวแต่โดยดี จากนั้นตำรวจก็มาถึงและกระจายกำลังตามจับได้อีกคน

น.ส.มัลลิกา กล่าวต่อว่า สิ่งที่พวกตนทำกันไปถือว่าเสี่ยงต่อความปลอดภัยมาก และภายหลังทราบว่าทางเรือนจำเพชรบูรณ์ มีการตั้งรางวัลนำจับ 1 แสนบาท จึงอยากทราบว่าลักษณะการช่วยเหลือของพวกตนนี้ จะมีสิทธิรับเงินรางวัลนำจับหรือไม่

“ถ้าได้ก็จะนำมาแบ่งกันกับทุกคนที่มีส่วนร่วม เพราะในสถานการณ์วิกฤติเศรษฐกิจเงินทองหายากเช่นนี้ ถ้าได้เงินดังกล่าวจะมากหรือน้อยก็ถือว่าโชคดีมาก ที่จะมีเงินจุนเจือครอบครัว แต่ถ้าไม่ได้ พวกตนก็ถือว่าเป็นการช่วยเหลือกับทางราชการ แม้จะมีความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของพวกตนก็ตาม” น.ส.มัลลิกา กล่าว

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปเรือนจำ จ.เพชรบูรณ์ เพื่อขอคำชี้แจงจาก ผบ.เรือนจำ แต่ไม่พบมีเพียงเจ้าหน้าที่ให้คำตอบแทนว่า ผบ.ไม่อยู่และไม่สะดวกที่จะชี้แจง ส่วนการตั้งรางวัลนำจับ 3 ผู้ต้องขังที่เหลืออยู่ในการหลบหนีตอนนั้นจริง แต่เป็นการให้แบบเหมารวม 1 แสนบาท ไม่ใช่รายละ 1 แสน ส่วนผู้ที่โทรศัพท์แจ้งคงต้องพิสูจน์ก่อน เพราะก่อนการจับกุม มีผู้โทรฯ แจ้งเข้ามาก่อน 2 นาที ส่วนเรื่องที่มีพลเมืองดี แจ้งเบาะแสไปทางตำรวจ ก่อนหน้านี้นั้นทางเรือนจำ จ.เพชรบูรณ์ ยังไม่ทราบเรื่อง และขอให้เจ้าตัวออกมาแสดงตัว เพราะทุกอย่างสามารถตรวจสอบและพิสูจน์ได้ โดยทางเรือนจำพร้อมจะจ่ายเงินตามที่ประกาศจริง หากพิสูจน์ทราบได้ว่าเป็นผู้แจ้งเบาะแสจริง.