นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และพลังงาน เปิดเผยถึงมาตรการแพ็กเกจดูแลพลังงานภายในประเทศ ที่จะเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ชัดเจนว่า จะนำเรื่องมาตรการดูแลพลังงานพลังงานในประเทศเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ทันวันที่ 15 ก.พ. ได้หรือไม่ เนื่องจากต้องรอความชัดเจนในเรื่องภาษีสรรพสามิตราคาน้ำมันก่อนว่าจะเป็นอย่างไร โดยมาตรการในการดูแลครั้งนี้จะเป็นการผสมผสานร่วมกันระหว่างการใช้ภาษีสรรพสามิตน้ำมัน และกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ส่วนมาตรการพยุงราคาน้ำมันเดิม ที่ปรับลดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลจากบี 7 เป็น บี 5 เริ่มตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ. และสิ้นสุดมาตรการวันที่ 31 มี.ค.นี้ จะต้องรอดูสถานการณ์ใกล้ ๆ อีกครั้งว่า จะต้องขยายระยะเวลาต่อหรือไม่

“อยากให้ทุกคนใจเย็น ๆ รอดูที่ประชุม ครม.อีกทีว่า ทันหรือไม่ อย่าเพิ่งใจร้อน ทุกอย่างจะต้องดำเนินการอย่างรอบครอบ ตอนนี้ถ้าจะให้ระบุชัดเจนคงไม่ได้ ประเด็นสำคัญคือจะต้องรอผลการประชุมจาก ครม.ว่า จะมีการอนุมติเรื่องใดบ้าง แล้วต้องติดตามสถานการณ์ปัจจุบันด้วยว่าเป็นอย่างไร มีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่”      

ส่วนความคืบหน้าเรื่องมาตรการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) นั้น ได้ส่งเรื่องไปที่ประชุมครม.เรียบร้อยแล้ว ซึ่งต้องรอที่ประชุม ครม.จะบรรจุเป็นวาระในการพิจารณาเมื่อใด  

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แพ็กเกจการดูแลราคาน้ำมันในประเทศ คาดว่า กระทรวงการคลัง จะเสนอพิจารณลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลประมาณ 2-3 บาทต่อลิตร โดยทุกการลดภาษีสรรพสามิตร 1 บาทต่อลิตร จากปัจจุบันที่จัดเก็บ 5.99 บาทต่อลิตร ส่งผลให้รายได้รัฐบาลหายไป 2,000 ล้านบาทต่อเดือน หรือประมาณ 24,000 ล้านบาทต่อปี แต่ถ้าลดทั้งหมดตอนนี้ที่จัดเก็บ 5.99 บาทต่อลิตร ส่งผลให้รายได้รัฐหายไป 1.4 -1.5 แสนล้านบาทต่อปี