เมื่อวันที่ 22 ก.ค. นายแพทย์อภิชัย ลิมานนท์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ หลังทาง ศบค.ประกาศให้พื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ เป็นกลุ่มจังหวัดสีแดง พื้นที่ควบคุมสูงสุด โดยวันนี้ยังพบว่ามีประชาชนจากพื้นที่กรุงเทพฯ และเขตปริมณฑล รวมทั้งจังหวัดพื้นที่เสี่ยง เดินทางกลับมาภูมิลำเนาจำนวนมากทำยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นรายวัน ล่าสุดพบผู้ป่วยรายใหม่ 131 ราย เป็นผู้ติดเชื้อจากต่างจังหวัดขอกลับมารักษาในภูมิลำเนา 19 ราย ผู้ติดเชื้อที่มีประวัติเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง 92 ราย ผู้ติดเชื้อจากการสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยยืนยัน 9 ราย และตรวจพบจากระบบเฝ้าระวังอื่นๆ 11 ราย

นายแพทย์อภิชัย กล่าวว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่พบรายวัน ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ติดเชื้อจากต่างจังหวัด ส่วนที่พบพื้นในพื้นที่ถือว่าเป็นคลัสเตอร์ขนาดเล็ก เช่น สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยในครัวเรือน อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ทำการเปิดโรงพยาบาลสนามทั้ง 18 อำเภอแล้ว ยังมีผู้ป่วยยืนยันเพิ่มขึ้นทุกวัน ถึงแม้ปัจจุบันโรงพยาบาลสนามจะสามารถรองรับจำนวนผู้ป่วยเพียงพอ แต่เพื่อรองรับสถานการณ์ผู้ป่วยโควิด-19 ที่ยังมีแนวโน้มสูงอยู่ ทางโรงพยาบาลสนามยางตลาดและโรงพยาบาลสนามสมเด็จ ก็จะได้ขยายเตียงเพิ่มขึ้นเพื่อให้สามารถรองรับและเพียงพอ และได้รับการบริหารทางระบบสาธารณสุขอย่างดีที่สุด

สำหรับการให้บริการฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรทางการแพทย์และบุคคลทั่วไปนั้น จากสถิติผู้เสียชีวิตจากการได้รับเชื้อโควิด-19 ดังกล่าวเป็นในกลุ่มผู้สูงอายุ ดังนั้นในการจัดสรรฉีดวัคซีนที่ จ.กาฬสินธุ์ ในช่วงที่สถานการณ์ของโรครุนแรงอยู่จึงจะจัดสรรให้บุคลากรกลุ่มเสี่ยง ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคประจำตัว และหญิงมีครรภ์ หรือกลุ่ม 608 เสียก่อน จึงจะกระจายไปยังกลุ่มอื่นๆตามลำดับต่อไป

นายแพทย์อภิชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการบำบัดรักษาอาการผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 นั้น ตามที่มีการกล่าวถึงการนำสมุนไพรทางเลือก เช่น กระชาย และฟ้าทะลายโจรมาใช้ในการบำบัดรักษาอาการนั้น ยืนยันผลวิจัยที่ใช้ในโรงพยาบาลสมุทรปราการและเรือนจำพบว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ในขณะที่โรงพยาบาลฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ ก็ได้นำมาใช้เช่นกัน โดยพบว่าสามารถลดความรุนแรงของโรคได้ อย่างไรก็ตามการใช้ต้องอยู่ในการกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดของหมอรักษาไข้ ทั้งนี้วิธีที่ป้องกันโรคติดเชื้อโควิด-19 ที่ได้ผลที่สุดคือการรักษามาตรการ D-M-H-T-T-A เช่น รักษาระยะห่าง ใส่หน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ ตรวจวัดอุณหภูมิ ไม่เข้าไปในสถานที่แออัดและพื้นที่เสี่ยง