สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงซันติอาโก ประเทศชิลี เมื่อวันที่ 12 มี.ค. ว่านายกาเบรียล บอริก สาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 36 ของชิลี พิธีดังกล่าวจัดขึ้น ภายในอาคารรัฐสภา ที่เมืองบัลปาราอิโซ ทางตอนกลางของประเทศ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ บอริกรับมอบสายสะพาย พร้อมตราประจำตำแหน่ง จากผู้นำคนก่อนหน้า คือนายเซบาสเตียน ปีเญรา โดยมีนายอัลวาโร เอลิซัลเด ประธานวุฒิสภา เป็นผู้คล้องสายสะพาย ขณะเดียวกัน ด้วยวัยเพียง 36 ปี ทำให้บอริกสร้างประวัติศาสตร์ เป็นผู้นำอายุน้อยที่สุดของชิลี

ประธานาธิบดีกาเบรียล บอริก ผู้นำคนใหม่ของชิลี รับมอบสายสะพานจากอดีตประธานาธิบดีเซบาสเตียน ปีเญรา


ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว บอริก เป็นแกนนำแนวร่วมนักศึกษา เคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อเรียกร้องการปฏิรูปสวัสดิการด้านการศึกษา จากรัฐบาลชิลีของปีเญรา โดยการขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดทางการเมืองในชิลีของบอริก เป็นไปตามผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบชิงดำหรือรอบตัดสินของชิลี เกิดขึ้นเมื่อช่วงปลายเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา ออกมาลงคะแนนมากเกือบ 56% เป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ชิลียกเลิกกฎหมายบังคับการออกมาใช้สิทธิ เมื่อปี 2555 สะท้อนความตื่นตัว และ “ความต้องการเปลี่ยนแปลง” ของชาวชิลี


สำหรับความท้าทายของบอริก แน่นอนว่าเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจและสวัสดิการสังคม ผู้นำคนใหม่ของชิลีกล่าวถึง “การจัดตั้งระบบสวัสดิการสังคมอย่างแท้จริง” ด้วยมาตรการที่รวมถึง การเพิ่มเพดานภาษีของกลุ่มผู้มีฐานะ และการเพิ่มการใช้จ่ายเพื่อการพัฒนาสังคม ภายในประเทศแห่งนี้ ซึ่งมีสัดส่วนความเหลื่อมล้ำมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก


อย่างไรก็ตาม นโยบายเหล่านี้สร้างความวิตกกังวลอย่างหนัก ให้กับบรรดานักลงทุน ว่าจะส่งผลกระทบต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชิลี ซึ่งมีฐานะมั่งคั่งมากที่สุดแห่งหนึ่งในลาตินอเมริกา


ด้านภาคอุตสาหกรรมของชิลี เป็นภาคธุรกิจซึ่งตื่นตัวมากที่สุด ด้วยความวิตกว่า เหมืองทองแดงแห่งใหม่มีอันต้องสะดุด เนื่องจากผู้นำชิลีเคยกล่าวว่า เขาไม่ต้องการให้มีพื้นที่ส่วนใดในประเทศ “ต้องเสียสละเป็นที่รับมลพิษ” จากโครงการเหมืองแร่ อย่างไรก็ดี ต่อมาบอริกแสดงท่าทีอ่อนลงในเรื่องนี้ นัยว่าเพื่อบรรเทาความวิตกกังวลของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง โดยกล่าวว่า แผนการหลายอย่างไม่สามารถลงมือทำพร้อมกันได้ในคราวเดียว.

เครดิตภาพ : REUTERS