เมื่อวันที่ 12 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดเขาแก้ว ต.นาเมืองเพชร อ.สิเกา จ.ตรัง พบฝูงผึ้งหลวงขนาดใหญ่ นับล้านตัวบินกลับมาทำรังอยู่บนหน้าผานับสิบรัง บนความสูงจากพื้นดินประมาณ 7-8 เมตร ซึ่งแต่ละรังมีขนาดและรูปร่างแตกต่างกัน โดยพระครูศรีรัตนาภิวุฒิ เจ้าอาวาสวัดเขาแก้ว เล่าว่า ระหว่างเดือน ม.ค.-เม.ย. ของทุกปี จะมีฝูงผึ้งหลวงบินมาทำรังบนหน้าผา เพื่อให้ชาวบ้านได้เห็นกันทุกปี โดยเป็นแบบนี้มานานหลายสิบปีแล้ว เมื่อผ่านพ้นเดือน เม.ย. ฝูงผึ้งหลวงก็จะทิ้งรัง ไป เนื่องจากตัวอ่อนโตเต็มวัยและเป็นผึ้งที่บินออกหากินได้แล้ว

พระครูศรีรัตนาภิวุฒิ เล่าต่อว่า จนครบขวบปีผึ้งหลวงก็จะบินกลับมาทำรังใหม่อีกครั้ง โดยความชาญฉลาดของผึ้งก็จะทำรังด้านทิศตะวันตก เผื่อหลบแสงแดดจัดในช่วงเช้าและบ่าย ซึ่งผึ้งที่วัดนี้มีเรื่องเล่ากันว่า เคยมีหลายคนพยายามตัดรังผึ้ง เพื่อเอาน้ำผึ้งไปขายแต่พลัดตกลงมาตาย หรือไม่ก็เกิดอุบัติเหตุมีอันเป็นไปแทบทุกราย จนไม่มีใครกล้าเข้ามาตัดรังผึ้งในวัดเขาแก้วอีกเลย ทำให้ผึ้งอยู่กันอย่างสงบสุข และบินกลับมาทำรังให้เห็นทุกปี ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากปัจจุบันรังผึ้งหลวงตามธรรมชาติหาดูได้ยาก และพบทำรังขนาดใหญ่ตามฤดูกาลเท่านั้น โดยจะพบมากในป่าลึก แต่ที่วัดเขาแก้ว ทำให้ในช่วงนี้ของทุกปี มีเด็ก ๆและเยาวชนเข้ามาดูรังผึ้งกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อศึกษาเรียนรู้เชิงอนุรักษ์ นอกจากนี้บนหน้าผาวัดเขาแก้ว ยังมีหินรูปร่างคล้ายหอยขนาดใหญ่อยู่บนหน้าผาอีกด้วย

“เท่าที่จำได้ อาตมามาเป็นเจ้าอาวาสเมื่อปี 2548 เข้าปีที่ 17 แล้ว ทุกครั้งเวลาเดินไปด้านทิศตะวันตกก็จะเห็นรังผึ้งเป็นสิบๆรังหรือมากกว่านี้ จนปัจจุบันทางวัดและญาติโยมก็ไม่เคยคิดทำร้าย เขาอยากให้เป็นไปตามกฎธรรมชาติเมื่อถึงเวลาที่เขาจะกลายเป็นตัวอ่อนแล้วกลายเป็นตัวผึ้งก็ขอให้เป็นแบบนั้น เคยมีคนถามว่า ทำไมไม่เก็บน้ำผึ้งเอาไว้ อาตมามองว่าไม่เหมาะสม เพราะวัดเป็นเขตอภัยทาน ก็เลยไม่ไปเบียดเบียนเขา” จ้าอาวาสวัดเขาแก้ว กล่าว

เจ้าอาวาสวัดเขาแก้ว กล่าวต่อว่า ส่วนอาถรรพ์เรื่องผึ้งหลวง เป็นเรื่องที่ชาวบ้านเขาพูดกัน ส่วนอาตมาถือว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคลที่อันตราย เพราะว่ามันอยู่บนหน้าผา หากไม่ชำนาญในการจับผึ้งก็อันตราย อีกส่วนหนึ่งก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคลว่า ในวัดในวาหากทำอะไรที่ไม่เหมาะสมขึ้นมามันก็จะเป็นแบบนี้.