จากกรณีโลกออนไลน์เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ภายหลังจากที่พบเหตุสลด “น้องเปรม” นักศึกษาปี 1 ม.ดังโคราช ถูกพี่ปี 2 พาไปรับน้องนอกมหาวิทยาลัย ก่อนโดนทำร้ายเสียชีวิตในป่านั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 มี.ค. รายการโหนกระแส ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย” ได้เชิญครอบครัวของ “น้องเปรม” เข้ามาร่วมพูดคุยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดย น้องเอ (นามสมมุติ) เพื่อนผู้เสียชีวิต ที่อยู่ในเหตุการณ์ เผยว่า เมื่อวันที่ 13 มี.ค.ที่ผ่านมา รุ่นพี่ปี 2 ม.ราชมงคลอีสาน ได้นัดน้องๆมาที่มหาวิทยาลัย ตอน 17.00 น. แล้วรับขึ้นรถตรงไปที่ป่า โดยแจ้งว่าเป็นรับน้องรอบใหญ่ ซึ่งมีเด็กปีหนึ่งที่ไปทั้งหมด 38 คน ซึ่งจะมีการแบ่งเป็นฐาน 4 รอบ

โดยในรอบที่ 3 ที่เป็นรอบที่ “เปรม” เสียชีวิต เริ่มจากรุ่นพี่ปี 2 โดยระหว่างที่นั่งรอรุ่นพี่มาก็ให้น้องๆดื่มเบียร์ แล้วถอดเสื้อผ้าออก แล้วเริ่มเรียกจัดแถว คลานไปหาพี่ ถ้าร้องเพลงผิดเป็นการรับผิดชอบร่วมกัน ซึ่งจะให้ผู้ชายที่มีร่างกายแข็งแรง 23 คน รวมถึงเปรม เกร็งท้องแล้วถูกต่อย ถูกถีบ ถูกทำโทษรุนแรงที่สุด โดยรุ่นพี่ 7 คนเป็นคนทำโทษ หลังจากนั้นเปรมก็ฟุบลงไปนอนกับพื้น หายใจไม่ออก จนเมื่อเริ่มมีอาการปากซีด จึงพาไปโรงพยาบาล ในระหว่างนั้น เพื่อนที่เหลือก็รออยู่ที่รับน้องเหมือนเดิม ซึ่งหลังจากเกิดเหตุ ก็ไม่มีใครไปบอกอาจารย์ เพราะกลัวบ้าง ไม่อยากมีปัญหาบ้าง

ด้าน “น้าตรี” น้าสาวของน้องเปรม เล่าว่า วันที่เกิดเหตุ ได้รับโทรศัพท์ช่วง 01.30 น. จากยายของเปรมว่าเขาตายแล้ว โดยบอกว่าเตะบอลแล้ววูบจนเสียชีวิต แต่เราไม่เชื่อ เพราะน้องเป็นนักกีฬา ร่างกายแข็งแรงมาก เราก็พายายของน้องไปโรงพยาบาลเพราะต้องทำเอกสาร เมื่อได้คุยทางคุณหมอแจ้งว่าคนที่พามา ไม่ได้บอกความจริงว่าเกิดอะไร โดยหลังจากตรวจเลือด มีพบเชื้อโควิด-19 แต่ผลเลือดดีมาก ไม่น่าจะเสียชีวิตด้วยสาเหตุนี้ อีกทั้งร่างกายไม่มีร่องรอยใดๆ ก็แนะนำให้แจ้งตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ซึ่งเราไม่เชื่อว่ามหาวิทยาลัยไม่ทราบเพราะก่อนหน้านี้ ก็เคยได้ยินข่าวทำนองนี้ออกมาจากมหาวิทยาลัยนี้

นอกจากนี้ ด้าน นายเอนกพงศ์ ประเคนธี ทนายความและเจ้านายของน้องเปรม ที่มาทำงานพิเศษที่ร้านอาหาร เผยว่า น้องเปรมเป็นคนดี ตั้งใจทำมาหากินกับภรรยาที่ทำงานพิเศษอยู่ร้านข้างๆ เพื่อเก็บเงินไว้เลี้ยงลูกน้อยที่กำลังจะเกิดมา ซึ่งในวันเกิดเหตุ ทราบว่ามีรุ่นพี่เวียนต่อยคนละ 2-3 ที จนน้องเปรมทรุด แต่รุ่นน้องคนไหนที่ยังไหว ก็จะถูกทำแบบนี้วนทำต่อ จนภายหลังเปรมอาการไม่ดี จึงได้เลิกกิจกรรม ก็ยังวนเข้ามาส่งในมหาวิทยาลัย ซึ่ง รปภ.อยู่ไหน คนตั้ง 60 กว่าคน

ทางมหาวิทยาลัยจะไม่ทราบไม่ได้ เพราะในความเป็นครู เมื่อศิษย์ทำผิด ก็ต้องห้าม ต้องปราม อีกทั้งหลังจากที่ทางมหาวิทยาลัยออกมาแถลง พบคนทำทั้งหมด 6 คน ก็ต้องถามว่าที่เหลือไปไหน ต้องมาร่วมกันรับผิดชอบ กล้าทำต้องกล้ารับ ซึ่งไม่ใช่แค่มาตรการตัดคะแนนความประพฤติ เพราะในเรื่องนี้ความผิดถึงขั้นจำคุกได้เลย เนื่องจากเป็นการร่วมทำร้ายผู้อื่นถึงแก่ความตาย

“ในเรื่องค่าเสียหายนั้นทางญาติไม่ติดใจ แต่ติดใจที่ออกมาแค่ 6 คนทั้งที่รุ่นพี่ที่ร่วมจัดกิจกรรมมีถึง 32 คน ถ้ามหาวิทยาลัยจะลงโทษ จะมีมาตรการที่ใช้แค่ 6 คนไม่ได้ เพราะไม่ใช่แค่ 6 คนทำ แต่ยังมีที่เหลือยังรอคิวที่จะกระทำต่อๆกันอยู่”..

ขอบคุณภาพจาก โหนกระแส