เมื่อวันที่ 16 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เย็นวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้รับการเปิดเผยจาก นางเสาวนิจ (สงวนนามสกุล) อายุ 83 ปี คุณยายชาวสวน อาศัยอยู่ย่านบางกรวย จ.นนทบุรี อ้างว่าถูกลูกแท้ ๆ ยื่นฟ้องศาลดำเนินคดีอาญาและแพ่ง ข้อหา ยักยอกทรัพย์ แจ้งความเท็จ แต่คดีอาญาศาลยกฟ้อง เนื่องจากตามกฎหมาย ลูกที่สืบสันดานไม่สามารถฟ้องบุพการีแท้ ๆ ได้ แต่ลูกชายยังไม่ยอมเลิกละ ฟ้องแม่ในคดีแพ่งซึ่งต้องขึ้นศาลแขวงนนทบุรี ในวันที่ 5 เม.ย.นี้ ทำให้ยายนิจ ถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ ร้องไห้แทบขาดใจ ไม่คิดว่าลูกที่เลี้ยงมาจนโต ส่งเสียให้เล่าเรียนจนสูง ๆ ตอบแทนบุญแบบนี้

ยายนิจ เล่าทั้งน้ำตาว่า อยู่กินแต่งงานจดทะเบียนสมรสกับนายสมนึก มานานกว่า 50 ปี มีลูกด้วยกัน 4 คน เป็นหญิง 3 คน ชาย 1 คน คนโตอายุ 63 ปี คนที่สองลูกชาย อายุ 61 ปี คนที่สาม อายุ 58 ปี และคนที่สี่ อายุ 57 ปี เสียชีวิตไปแล้ว ตอนสาว ๆ มีอาชีพทำสวนเก็บเงินเก็บทองจนซื้อที่ดินเก็บไว้หลายแห่ง ทั้งใน จ.กาญจนบุรี นครปฐม และที่ ๆ อยู่ปัจจุบัน ส่วนสามีก็เอาแต่กินเหล้าไม่ได้ช่วยทำมาหากินสักเท่าไหร่ ต่อมาสามีตนได้แบ่งที่ดินย่านบางกรวยให้ลูก ๆ 3 คน คนละ 161 ตารางวา มูลค่าหลายสิบล้านบาท มีเพียงลูกสาวคนโตที่ไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้ตนไม่รู้เรื่อง จึงไปสอบถามที่กรมที่ดินเพราะการแบ่งสมบัติให้ลูกตนต้องรับรู้ ปรากฏว่ามีคนเซ็นชื่อแทน

ยายนิจ เล่าว่า หลังสามีเสียชีวิต ตนได้ทำเรื่องและยกที่ดิน 161 ตารางวา ที่เป็นชื่อสามีให้ลูกสาวคนโต เพื่อความยุติธรรมเท่า ๆ กันทุกคน แต่ถูกลูกชายคนรอง ยื่นฟ้องศาลว่าตนยักยอกทรัพย์ แจ้งความเท็จ นำที่ดินไปให้ลูกสาวคนโตโดยไม่บอกกล่าว แต่ศาลยกฟ้องในคดีอาญา เนื่องจากตามกฎหมาย ลูกที่สืบสันดานไม่สามารถฟ้องแม่บังเกิดเกล้าในคดีอาญาได้ ต่อมาลูกสาวคนเล็กเสียชีวิตลง ตนเป็นแม่จะต้องได้ที่ดิน 161 ตารางวา ของลูกคืน ทำให้ลูกชาย ซึ่งรับราชการกรมอู่ และรู้กฎหมายดี รีบเอาโฉนดไปแจ้งกรมที่ดินว่า ถ้ามีใครมาขอคัดสำเนาโฉนด ห้ามให้อย่างเด็ดขาด ซึ่งเจ้าหน้าที่เองก็ชี้แจงว่า ที่ดินแปลงนี้ต้องเป็นของคนผู้เป็นแม่ตามกฎหมาย โดยได้แจ้งเรื่องและทำตามขั้นตอนทุกอย่าง

ยายเล่าว่า จนเวลาผ่านมากว่า 10 ปี อยู่ ๆ ถูกหมายศาลเรียกให้ไปขึ้นศาลในวันที่ 5 เม.ย.นี้ ในฐานะผู้ต้องหาคดี ยักยอกทรัพย์ แจ้งความเท็จ โดยผู้ฟ้องไม่ใช่ใคร กลับเป็นลูกชายแท้ ๆ นั่นเอง รู้สึกเสียใจมาก ๆ ส่งเสียเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ได้งานได้การดี ๆ หนำซ้ำตอนยายป่วยเป็นมะเร็งเต้านมต้องตัดทิ้งข้างหนึ่ง ลูกชายรับราชการยังไม่ยอมมาเซ็นเบิกให้เลย ตนต้องหมดเงินค่ารักษาไปเป็นล้าน โชคยังดีที่ยังมีลูกสาวคนโตและหลานมาช่วยดูแล มาเยี่ยมทุกวัน ส่วนลูกที่เหลือไม่เคยมาสนใจเลย หวังว่าสักวันหนึ่ง ลูกที่เหลืออีกสองคนจะมากราบเท้าขอโทษแม่ นานกว่า 9 ปีแล้วที่รอคอย กลับเป็นหมายศาลมาแทน