กรณีเหตุการณ์สุนัขพิตบูล​จำนวนสามตัว พังประตูมุ้งลวดของชาวบ้านแล้วเข้าไปกัดแมวจนเสียชีวิต ซึ่งนายสันติ กสินธุรัมย์ เจ้าของบ้านหลังเกิดเหตุ ได้นำคลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดบันทึกเหตุการณ์ดังกล่าวไปโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก พร้อมนำไปเป็นหลักฐานเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี เนื่องจากเกรงว่าสุนัขฝูงดังกล่าวอาจจะเข้าไปกัดลูกชายของตนซึ่งนั่งอยู่ในบ้านจนได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้ ทั้งนี้ สุนัขทั้งสามตัว เป็นสุนัขที่อยู่ในความดูแลของพระสนธยา ชนะเลิศ อายุ 60 ปี พระลูกวัดเขาเทพนิมิตร ในพื้นที่หมู่ 7 ต.แก่งเสี้ยน อ.เมือง จ.กาญจนบุรี

คืบหน้าเมื่อวันที่ 23 มี.ค. ว่าที่ ร.ต.ท.อาชวินทร์ อ่องวงศ์ รอง​ สว.(สอบสวน) สภ.เมืองกาญจนบุรี ได้เดินทางมาที่วัดเขาเทพนิมิต โดยมีนายสันติ ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านผู้เสียหายเดินทางมาด้วย เพื่อพูดคุยกับพระสนธยา ซึ่งเป็นเจ้าของสุนัขพิตบูล​ทั้งหมด โดยใช้เวลาการพูดคุยอยู่ประมาณ 20 นาที จึงได้ข้อสรุปตกลงร่วมกันได้ด้วยดี โดยในส่วนของนายสันติ ซึ่งเป็นผู้เสียหาย ไม่ติดใจเอาความในกรณีที่สุนัขของพระสนธยาได้เข้าไปกัดแมวของนายสันติจนตาย แต่นายสันติได้เรียกร้องขอให้พระสนธยา หาวิธีดูแลจัดการกับสุนัขที่เลี้ยงเอาไว้ทั้งหมดจำนวน 8 ตัว​ ให้เรียบร้อย ไม่ให้ไปสร้างความเดือดร้อนหรือสร้างความเสียหายให้กับสัตว์เลี้ยง รวมถึงคนในบ้านของนายสันติอีก ซึ่งในส่วนนี้ พระสนธยา รับปากว่าจะหาวิธีดูแลจัดการสุนัขที่เลี้ยงเอาไว้ทั้งหมดให้ดี

โดยเบื้องต้นจะดำเนินการย้ายสุนัขที่เลี้ยงเอาไว้ทั้ง 8 ตัว​ ออกจากวัดไปอยู่ที่บ้านแม่ของพระสนธยาในพื้นที่บ้านท่าน้ำตื้น ต.แก่งเสี้ยน อ.เมืองกาญจนบุรี คาดจะเรียบร้อยภายใน 1-2 วัน จากนั้น หากสุนัขที่นำไปเลี้ยงที่บ้านของแม่พระสนธยา ไม่มีคนดูแล ทางพระสนธยาก็คงจะต้องลาสิกขาออกจากความเป็นพระเพื่อไปดูแลสุนัขทั้งหมดอยู่ที่บ้าน ซึ่งจากปัญหาดังกล่าว พระสนธยาได้ฝากบอกบุญไปถึงผู้ใจบุญ ที่อยากจะรับสุนัขเหล่านี้ไปเลี้ยงดู สามารถเดินทางมาขอรับได้ด้วยตัวเองที่วัดเขาเทพนิมิต โดยติดต่อกับพระสนธยาได้โดยตรง ซึ่งจะไม่มีการคิดค่าใช้จ่ายใดใดทั้งสิ้น แต่หากผู้ใจบุญคนใด ที่อยากจะสนับสนุนค่าอาหารให้กับสุนัขเหล่านี้ ก็สามารถบริจาคเป็นเงินหรือเป็นอาหารได้ที่พระสนธยา โดยตรงเช่นกัน

ในส่วนของการติดตามดำเนินคดี ว่าที่ ร.ต.ท.อาจชวินทร์ กล่าวว่า เมื่อผู้เสียหายไม่ติดใจที่จะดำเนินคดีกับทางพระสนธยา ซึ่งเป็นเจ้าของสุนัข รวมถึงมีการพูดคุยตกลงหาทางออกแก้ไขปัญหาเรื่องของสุนัขทั้งหมดกันได้ด้วยดี ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะไม่เข้าไปดำเนินคดีกับพระสนธยา ตามความต้องการของผู้เสียหาย ส่วนการจัดการกับสุนัขที่อยู่ในความดูแลของพระสนธยา ก็เป็นหน้าที่ของพระสนธยาที่จะจัดการตามที่ได้รับปากกับผู้เสียหายไว้ต่อไป

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่ไปพูดคุยกับชาวบ้านซึ่งอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับวัดในรัศมี 100 ถึง 200 เมตร ซึ่งพบว่ามีบ้านเรือนของประชาชนอยู่รอบๆ​ วัดเป็นจำนวนมาก โดยนางลำดวน แย้มพราหมณ์ อายุ 67 ปี ชาวบ้านที่มีบ้านอยู่ด้านหน้าวัดเขาเทพนิมิต กล่าวว่า ตนอาศัยอยู่ที่นี่มานานกว่า 30 ปี ทราบเรื่องที่พระสนธยาเลี้ยงสุนัขพันธุ์สุนัขพิตบูล​ เอาไว้หลายตัว ที่ผ่านมา สุนัขเหล่านี้ก็ไม่เคยลงมาวุ่นวายกับชาวบ้านที่อยู่ข้างวัด แต่จะเดินเล่นอยู่ในบริเวณพื้นที่ของวัดเท่านั้น กระแสข่าวที่บอกว่าสุนัขเหล่านี้ดุร้ายและออกมาไล่กัดสุนัขของชาวบ้านจึงไม่เป็นความจริง อย่างที่บ้านของตนก็เลี้ยงสุนัขเอาไว้หลายตัว ก็ไม่เคยถูกสุนัขพันธุ์สุนัขพิตบูล​ของพระสนธยากัดหรือไล่ทำร้ายแต่อย่างใด

ขณะที่ นายสนอง ศรีขาวผ่อง อายุ 60 ปี ชาวบ้านอีกรายที่มีบ้านอยู่หน้าวัด กล่าวว่า ตนอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด​ เรื่องที่พระสนธยาเลี้ยงสุนัขพันธุ์พิตบูล​ เอาไว้หลายตัว ตนทราบดี ซึ่งสุนัขเหล่านี้แรกเริ่มเดิมทีมีเพียงตัวเดียว แต่ก็เริ่มมีการออกลูกออกหลาน ชาวบ้านบางคนก็มาขอไปเลี้ยง แต่สุดท้ายเลี้ยงไม่ไหว ก็นำเอามาปล่อยทิ้งไว้ที่วัดตามเดิม พระสนธยาก็ต้องรับภาระหาอาหารเลี้ยงดูสุนัขเหล่านี้มาตลอด ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมาก่อความเดือดร้อนอะไรให้กับชาวบ้านในละแวกนี้แต่อย่างใด ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้น ตนมองว่าน่าจะมาจากการที่สุนัขวิ่งไล่แมวเข้าไปในบ้านจนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น อย่างไรก็ตาม หากพระสนธยา จะต้องลาสิกขาออกจากความเป็นพระเพื่อกลับไปเลี้ยงสุนัขเหล่านี้ที่บ้าน ตนก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย​ แต่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เพราะหากปล่อยไว้ก็คงไม่มีใครสามารถดูแลสุนัขเหล่านี้ได้ดีเหมือนกับพระสนธยาที่ทำมาโดยตลอด.