“กระท้อนพันธุ์อีล่ายักษ์” เนื่องจากผลผลิตจะแก่และเก็บเกี่ยวได้หลังจากผลผลิตเงาะ, ทุเรียน และมังคุดหมดไปจากตลาด ช่วยแก้ปัญหาในเรื่องของการตลาดได้ระดับหนึ่ง ในเรื่องของการคัดเลือกสายพันธุ์กระท้อนที่จะนำมาปลูก เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผลผลิตกระท้อนอีล่ายักษ์ขายได้ราคาดีและขายได้ราคาสูงกว่าที่อื่น ขายผลผลิตได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 100-150 บาท ผลผลิตในปัจจุบันยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ

ถ้าใครได้ซื้อมาทดลองรับประทานแล้ว จะเห็นถึงความต่างจากกระท้อนที่มีวางขายอยู่ตามท้องตลาด ที่ส่วนใหญ่จะรับประทานได้เฉพาะส่วนของเนื้อที่ติดอยู่กับเมล็ดเท่านั้น หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ส่วนของปุย เท่านั้น เนื้อส่วนอื่นจะแข็ง ติดรสชาติฝาดและอมเปรี้ยว ในขณะที่กระท้อนอีล่ายักษ์ จะรับประทานได้ตั้งแต่ส่วนของเนื้อติดเปลือกที่มีรสชาติหวานและนิ่ม ในส่วนของปุยไม่ต้องพูดถึง รสชาติยอดเยี่ยมมาก

ถึงแม้ว่ากระท้อนพันธุ์ดี หรือที่ชาวบ้านมักจะเรียกกันว่า “กระท้อนห่อ” นั้น จัดเป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่มีความหลากหลายทางสายพันธุ์ที่คนไทยรู้จักกันดี อาทิ พันธุ์ทับทิม, พันธุ์นิ่มนวล ฯลฯ หรือแม้แต่พันธุ์อีล่า ซึ่งรู้จักกันมานานแล้ว คุณสมบูรณ์ยังได้บอกว่า ในสายพันธุ์อีล่าด้วยกัน ยังสามารถจำแนกได้หลายโคลนหรือคนละต้น อย่างกรณีของพันธุ์กระท้อนอีล่าของสวนคุณลี อ.เมืองพิจิตร โทร. 08-1886-7398 ที่ได้สายพันธุ์ดีมาจากจังหวัดตราดนั้น จะมีลักษณะเด่นกว่าที่อื่น ๆ ตรงที่เมื่อผลแก่และเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ จะมีน้ำหนักผลเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 600-1,200 กรัม ขึ้นอยู่ความดกของต้นและการดูแล และผลที่ใหญ่ที่สุดที่เคยพบ มีน้ำหนักถึงผลละ 2.5 กิโลกรัม ซึ่งเป็นขนาดผลที่ใหญ่มาก

ปัจจุบัน กระท้อนพันธุ์อีล่ายักษ์ของสวนคุณลี จัดเป็นผลไม้ที่มีชื่อเสียง ที่เมื่อฤดูกาลออกสู่ตลาดเป็นของฝากที่ “คนซื้อไม่ได้กิน คนกินไม่ได้ซื้อ” ด้วยลักษณะเด่นของกระท้อน “ผลมีขนาดใหญ่, เนื้อหนาฟูและนิ่ม สามารถรับประทานได้ถึงเปลือก รสชาติหวานจัด มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ที่สำคัญ เป็นผลไม้ปลอดภัยจากสารพิษ เพราะใช้วิธีการห่อผลทุกผล

เคล็ดลับแห่งความสำเร็จของการปลูกกระท้อนพันธุ์อีล่ายักษ์ ดังนี้ ก่อนปลูกจะต้องดูเรื่องแหล่งน้ำ กระท้อนจัดเป็นไม้ผลเมืองร้อนที่สามารถปลูกได้ทุกพื้นที่ของประเทศ แต่ถ้ามีความต้องการจะให้ผลผลิตออกมามีคุณภาพดี จะต้องเลือกพื้นที่ที่แหล่งน้ำที่พอเพียง โดยเฉพาะในช่วงออกดอกและติดผล น้ำมีส่วนสำคัญทำให้ช่อดอกมีความสมบูรณ์ติดผลดี ผลใหญ่ และช่วยลดปัญหาการแตกของผลได้

เนื่องจากกระท้อนเป็นไม้ผลที่มีทรงพุ่มค่อนข้างใหญ่และแผ่กว้าง ที่สวนคุณลีจะขยายพันธุ์ด้วยการติดตาและทาบกิ่ง เพื่อให้กิ่งพันธุ์มีระบบรากแก้ว การจัดระยะการปลูกกระท้อนจะต้องมีความห่างมากพอสมควร ในสภาพพื้นที่ปลูกในที่ดอนเกษตรกรส่วนใหญ่ จะใช้ระยะปลูก 6 x 8 และ 8 x 8 ในพื้นที่ 1 ไร่ จะปลูกต้นกระท้อนได้ประมาณ 25-30 ต้น หรือระยะห่างกว่านี้ก็ยิ่งดี ข้อดีในการใช้ระยะปลูกที่ห่างกว่าปกติว่า จะทำให้ทรงต้นกระท้อนแผ่กว้าง ไม่สูงชะลูด มีผลให้มีการติดผลปริมาณมาก และมีการจัดการง่าย ยิ่งไปกว่านั้น ทรงต้นที่ใหญ่จะมีอาหารสะสมในต้นมาก มีผลทำให้คุณภาพของผลผลิตดีมาก ต้นกระท้อนต้นใหญ่ที่มีอายุมากจะให้ผลผลิตที่มีคุณภาพกว่ากระท้อนต้นเล็ก