กรณีปรากฏมีการยักยอกเงินจากบัญชีของวัดบวรนิเวศวิหาร และ วัดวชิรธรรมาราม จ.พระนครศรีอยุธยา ที่เป็นวัดสาขา หลังจาก สมเด็จพระวันรัต อดีตเจ้าอาวาสวัดบวรฯ มรณภาพ เมื่อวันที่ 15 มี.ค. ที่ผ่านมา ไปใช้ส่วนตัวเป็นเงินกว่า 190 ล้านบาท ทางตำรวจกองปราบปราม จึงจัดทีมลุยสืบสวนสอบสวน จนทราบว่าผู้ที่กระทำการยักยอกเงินวัดไปนั่นคือ นายเนย ลูกศิษย์คนสนิทรายหนึ่ง ที่มีความใกล้ชิดกับสมเด็จพระวันรัต และเคยได้รับการแต่งตั้งเป็นไวยาวัจกร ก่อนนำกำลังติดตามจับกุมตัว พร้อมกับตรวจยึดรถหรู 9 คัน รวมถึงทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ อีกหลายรายการ รวมมูลค่ากว่าร้อยล้านบาท ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ยึดทรัพย์ 100 ล้าน คนสนิท “สมเด็จพระวันรัต” แอบโอนเงินช่วงอาพาธ

พบเพิ่มอีก2วัดลูกศิษย์ “สมเด็จพระวันรัต” ยักยอกเงินสาขาตราดเกือบร้อยล้าน

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 7 เม.ย. มีรายงานว่า ภายหลัง พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. พร้อมทีมคณะพนักงานสอบสวนกองปราบฯ ชุดคลี่คลายคดี ลงพื้นที่ตรวจสอบวัดสาขา 2 แห่งใน จ.ตราด ประกอบด้วย วัดรัตนวราราม และ วัดคีรีวิหาร พร้อมกับสอบปากคำพยานบุคคลต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง วานนี้ (6 เม.ย.) หลังพบว่า นอกเหนือจากการทุจริตเงินวัดบวรฯ และ วัดวชิรธรรมาราม กว่า 190 ล้านบาท ที่ตรวจพบก่อนหน้านี้แล้ว นายเนย ยังมีการทุจริตเงินงบประมาณจัดสร้างวัดรัตนวราราม และงบจัดสร้างโรงเรียนวัดคีรีวิหาร เพิ่มเติมอีกเกือบ 90 ล้านบาท ซึ่งจากการลงพื้นที่ตรวจสอบดังกล่าว พบหลักฐานสำคัญทางคดีหลายอย่าง โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับการเบิกถอนเงินของวัดสาขาทั้ง 2 แห่งนี้ ที่มีนายเนย และกลุ่มลูกศิษย์วัดบวรฯ จากส่วนกลางเป็นผู้บริหารจัดการเรื่องการเงิน

รายงานข่าวแจ้งว่า จากการตรวจสอบขณะนี้พบหลักฐานแน่ชัดแล้วว่า ตั้งแต่ช่วงปลายปี 64 ต่อเนื่องจนถึงต้นปี 65 นายเนย ได้มีการโอนเงินจากบัญชีวัดรัตนวราราม และ วัดคีรีวิหาร เข้าบัญชีธนาคารส่วนตัวหลายครั้ง รวมเป็นเงินกว่า 32 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเงินที่โอนจากวัดรัตนวราราม 20 ล้าน และเงินที่โอนมาจากวัดคีรีวิหาร 12 ล้าน ส่วนใหญ่จะเป็นการทำธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อตามหายอดเงินส่วนที่เหลือ

ขณะเดียวกันทางเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีดังกล่าวยังเตรียมขยายผลตรวจสอบข้อมูลการเบิกถอนเงินจากบัญชี หรือ การทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ ของวัดทั้ง 2 แห่งอย่างละเอียด เนื่องจากพบความผิดปกติบางอย่าง หลังพบว่าเงินของวัดบางส่วนถูกโอนเข้าสู่บัญชีของบุคคลหนึ่ง ซึ่งเป็นลูกศิษย์ที่มีความใกล้ชิดกับสมเด็จพระวันรัต เช่นเดียวกับนายเนย และอยู่ในกลุ่มของคณะลูกศิษย์จากส่วนกลางที่เข้ามาบริหารเงินของวัดทั้ง 2 แห่ง ทั้งนี้ก็เพื่อตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเงินดังกล่าวถูกเบิกถอนไปเพื่อวัตถุประสงค์ใด และมีส่วนเกี่ยวข้องในการทุจริตเงินของวัด ร่วมกับนายเนย หรือไม่ ซึ่งหากพบหลักฐานว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง หรือ ทุจริตเงินของวัดจริง ก็อาจมีการพิจารณาดำเนินคดีเพิ่มเติมกับบุคคลดังกล่าวอีกด้วย.