เมื่อวันที่ 11 เม.ย. พ.ต.อ.สุทธิ นิติอัครพงศ์ ผกก.สภ.พนม จ.สุราษฎร์ธานี พร้อม พ.ต.ต.สมเกียรติ สังข์นาค สว.กก.สส.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี นำกำลังจับกุมตัว นายชัยณรงค์ ชูเพชร อายุ 49 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ จ.112/2565 ลงวันที่ 10 เม.ย. 65 พร้อมคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ศาลเจ้า ในสวนปาล์ม ซอยสะพานเต่า หมู่ 4 ต.คลองสก อ.พนม หลังก่อเหตุใช้ปืนลูกซองยิงนางศรีสุดา (สงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี ชาว จ.สุราษฎร์ธานี เสียชีวิต

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 9 เม.ย. ที่ผ่านมา ร.ต.อ.สุทัศน์ ทองมา รอง สว.(สอบสวน) สภ.พนม ได้รับแจ้งเหตุจากโรงพยาบาลพนม ว่ามีคนถูกยิงได้รับบาดเจ็บ 2 ราย มาเข้ารับรักษาตัว จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบว่า 1 ในผู้บาดเจ็บคือ นางศรีสุดา ถูกยิง ด้วยปืนลูกซอง รวม 7 แผล อาการสาหัส นำส่งต่อที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนอีกรายคือ นางนิรมิตร (สงวนนามสกุล) อายุ 58 ปี ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากกระสุนเฉี่ยว

จากการสืบสวนพบว่า นางศรีสุดา เป็นคนทรงเจ้าชื่อดังในพื้นที่ และก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 21.00 น. ขณะนางศรีสุดา กำลังทรงเจ้า นางนิรมิตร ก็ได้นั่งอยู่ข้างนางศรีสุดา จู่ๆก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นมาจากข้างหลัง 2-3 นัด ก่อนพบว่า นางศรีสุดา ได้ถูกกระสุนปืนได้รับบาดเจ็บ จึงได้ช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งตำรวจได้เร่งสืบสวนจนทราบว่าผู้ก่อเกตุคือ นายชัยณรงค์ โดยมีสาเหตุความขัดแย้งมาจากเรื่องส่วนตัวเกี่ยวกับอาชีพเข้าทรงของผู้ตาย จึงได้เชิญตัวมาสอบสวน

นายชัยณรงค์ รับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุใช้ปืนลูกซองยาวยิงนางศรีสุดาจริง เนื่องจากมีความโกรธแค้นนางศรีสุดา ที่ทำตัวเป็นร่างทรง หลอกเอาเงินจากภรรยาตนไปตั้งแต่ปี 2562 หลายครั้งต่อเนื่องกัน และเสียเงินไปจำนวนมากเกือบ 1 ล้านบาท โดยอ้างว่าภรรยาของตนถูกคุณไสย และเรื่องนี้ทำให้ตนเองกับภรรยาทะเลาะมีปากเสียงกันบ่อยครั้ง จนล่าสุดเมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา ภรรยาได้นำเงินเก็บก้อนสุดท้าย 2.5 แสนบาท ไปซื้อที่ดินให้กับนางศรีสุดาอีก ทำให้จนกับภรรยาทะเลาะกันอย่างรุนแรงและแยกทางกัน ตลอดเวลาที่ผ่านมาตนแค้นนางศรีสุดา เป็นอย่างมาก ที่ทำให้ตนต้องเสียเงินเก็บไปร่วม 1 ล้านบาท จึงได้ตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าว

เบื้องต้นทางนายชัยณรงค์ ได้ให้ความร่วมมือกับตำรวจนำตรวจยึดของกลางที่ใช้ก่อเหตุประกอบด้วย อาวุธปืนลูกซองยาว 1 กระบอก กระสุน 9 นัด และเสื้อผ้าที่ใช้ก่อเหตุ โดยพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร ส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.