เมื่อวันที่ 28 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า พร้อมด้วย นายกิตติศักดิ์ นิลวัฒนโฒชัย ผู้สมัครนายกเมืองพัทยา เบอร์ 3 จากคณะก้าวหน้าพร้อมด้วยผู้สมัครสมาชิกสภาเมืองพัทยา (สม.) ร่วมพบปะรับฟังปัญหาจากประชาชนบนพื้นที่เกาะล้าน โดยเดินทางไปชมทั้งบ่อขยะ โรงบำบัดน้ำเสีย และพบปะผู้ประกอบการบนหาดแสม

สำหรับบ่อทิ้งขยะบนเกาะล้าน เป็นบ่อที่รองรับขยะถึง 30-40 ตันต่อวัน ซึ่งก่อนหน้านี้ขยะบนเกาะล้านจัดการโดยการขนทางเรือข้ามมาจัดการที่ฝั่งพัทยา แต่ต่อมามีปัญหาสภาพแวดล้อมจากน้ำเสียที่รั่วไหลระหว่างการขนย้ายลงทะเล และที่ท่าเรือ ซึ่งใช้ร่วมกับเรือข้ามฟากของนักท่องเที่ยว จนต้องยุติการขนขยะข้ามฟาก ทำให้เกิดขยะตกค้างเป็นจำนวนมากสืบเนื่องมาตั้งแต่ปี 2557 จนถึงวันนี้

นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ปัจจุบันเมืองพัทยาใช้งบประมาณสำหรับการจัดการขยะอยู่ที่ 192 ล้านบาทต่อปี คิดเป็น 12% ของงบประมาณเมืองพัทยา โดยบนเกาะล้านเอง เมืองพัทยากำลังจัดจ้างเอกชนมาทำโรงเผาขยะบนเกาะล้าน โดยมีค่าจัดการขยะอยู่ที่ 1,900 บาทต่อตัน ซึ่งทำให้เกาะล้านมีค่าจัดการขยะที่แพงที่สุดในประเทศไทย โดยยังไม่รวมค่าจัดเก็บและคัดแยกพร้อมเสนอแนวคิดการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพต้องเริ่มต้นจากระดับครัวเรือน รณรงค์ให้มีการคัดแยกขยะ ซึ่งปัจจุบันงบประมาณเมืองพัทยาในการรณรงค์คัดแยกขยะมีอยู่เพียง 135,000 บาท ขณะที่งบประมาณในการจัดการมหาศาล การเพิ่มงบรณรงค์ในการคัดแยกขยะ และปรับโครงสร้างพื้นฐานให้พร้อมรองรับการคัดแยกขยะที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการขยะและลดงบประมาณที่เมืองพัทยาต้องใช้ในการจัดการขยะลงได้

นายธนาธร กล่าวว่า สำหรับเกาะล้าน ซึ่งมีภูมิประเทศเป็นเกาะเดี่ยว มีประชากร 500 ครัวเรือนหรือประมาณ 2,900 คน ในพื้นที่ขนาดนี้ การรณรงค์อย่างจริงจังให้มีการคัดแยกขยะจากต้นทางเป็นไปได้และจะทำให้ปริมาณขยะที่ต้องกำจัดทิ้งน้อยลงได้อย่างมาก ส่วนเรื่องของการทำเตาเผาขยะนั้น สิ่งสำคัญที่ต้องไปดู คือเทคโนโลยีมีความเหมาะสมจริงหรือไม่ เป็นไปตามที่อ้างว่าจะไร้ควันไร้กลิ่นจริงหรือไม่ และควรทำประชาคมให้ชาวพัทยามีส่วนร่วมในการตัดสินใจว่าจะให้มีเตาเผาขยะเกิดขึ้นหรือไม่.