เมื่อวันที่ 29 เม.ย. พ.ต.อ.สุรพงษ์ กิตติธิรางกูร อดีตผู้กำกับการ สภ.ควนโดน จ.สตูล ได้ออกมาชี้แจงผ่านสื่อมวลชนเป็นครั้งแรก หลังจากที่ถูกนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังใน จ.สงขลา ฟ้องร้องกล่าวหาว่ามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับอดีตภรรยาตั้งแต่ปี 61 กระทั่งมีการสู้คดีจนถึงชั้นฎีกา ปรากฏว่า ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง เพราะพยานหลักฐานไม่น่าเชื่อถือ และพยานหลักฐานบางอย่างเหมือนจัดฉากสร้างหลักฐานเท็จขึ้นมา
โดย พ.ต.อ.สุรพงษ์ กล่าวว่า คดีนี้ศาลฎีกาติดสินยกฟ้องมาตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 65 ซึ่งผ่านมากว่า 1 ปีแล้ว แต่ที่ต้องออกมาชี้แจงเรื่องนี้ เพราะว่าตนยังตกเป็นจำเลยสังคมมาตลอดหลายปี ส่งผลกระทบกับหน้าที่การงานและการดำเนินชีวิตจนถึงปัจจุบัน และถึงตอนนี้ก็อาจจะยังไม่มีใครรู้ว่า คดีนี้ศาลฎีกายกฟ้องไปนานแล้ว แต่หลายคนยังเข้าใจผิดคิดว่าคดียังไม่จบและตนเป็นคนผิด รวมถึงเรื่องที่ถูกสอบทางวินัย ซึ่งทางคณะกรรมการสอบสวนก็ยุติเรื่องไปแล้วเช่นกัน เพราะไม่มีความผิด
ความจริงอีกเรื่องที่หลายคนอาจไม่ทราบก็คือ เรื่องที่ตนฟ้องร้อง คู่กรณีที่กล่าวหาว่าตนมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับภรรยาและยังถูกตามฆ่าหลายครั้ง เรื่องนี้ระหว่างการพิจารณาในชั้นศาล คู่กรณียกมือไหว้ขอขมาให้ตนยกโทษให้ เพราะว่าสำนึกและเสียใจ จะไม่สร้างข่าวเท็จให้เสียหายอีก ตนก็สงสารและยอมยกโทษ ก่อนจะถอนฟ้อง เพราะเห็นว่าสำนึกผิดจริง
“เรื่องนี้ถ้าตนเป็นชู้จริง ไม่มีลูกผู้ชายคนไหนที่ยอมเสียศักดิ์ศรียกมือไหว้ขอขมาและขอบคุณชู้ที่ยอมยกโทษให้แน่นอน” พ.ต.อ.สุรพงษ์ กล่าว
อีกเรื่องที่หนักมากคือ กรณีที่ภรรยาใหม่ของคู่กรณี เอาใบปลิวไปออกข่าวผ่านสื่อว่า ตนไปเรียกรับเงินผู้ต้องหาคดียาเสพติด ไปข่มขืนภรรยาผู้ต้องหาจนท้องแล้วให้ทำแท้ง และมีการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง เรื่องนี้สุดท้ายแล้วก็ไม่มีความผิดและสวนทางกับความเป็นจริงอย่างสิ้นเชิง เพราะหลังจากที่คณะกรรมการได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยไปสอบถามผู้ต้องหาในเรือนจำ พบว่าคดีนี้ เป็นคดีลักทรัพย์ ไม่ใช่คดียาเสพติด ผู้ต้องหาก็ไม่เคยมีเมียมาก่อน และไม่เคยรู้จักกับตนด้วย ถ้ามันเป็นเรื่องจริง ก็ให้ภรรยาใหม่ของคู่กรณี หาพยานหลักฐานมาสู้กัน ซึ่งตนก็พร้อมที่จะพิสูจน์ความจริง เพราะเรื่องนี้ตนได้แจ้งความเอาผิดกับภรรยาใหม่ของคู่กรณี และพนักงานสอบสวนได้ส่งฟ้องเรื่องอยู่ระหว่างการพิจาณาของอัยการ
พ.ต.อ.สุรพงษ์ กล่าวว่า หลายปีที่ผ่านมา ตนตกเป็นจำเลยสังคมมาตลอด หลังจากที่ถูกฟ้องร้องเรื่องชู้สาว และมีความพยายามสร้างข่าวเท็จผ่านสื่อมวลชนทั้งสื่อหลักและสื่อโซเชียล จนทำให้เข้าใจผิดและเสียชื่อเสียง แต่ก็อดทนไม่ตอบโต้และสู้คดีมาตลอด เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ และสุดท้ายศาลฎีกาก็ยกฟ้อง เพราะตนไม่มีความผิดตามที่ถูกกล่าวหา แต่ว่าสังคมยังเชื่อข่าวเก่าที่ถูกสร้างข่าวใส่ร้ายว่าเป็นชู้จนถึงทุกวันนี้ และหลายคนไม่ทราบว่าคดีนี้ศาลยกฟ้องไปแล้ว จึงถึงเวลาที่ต้องออกมาพูดความจริงและชี้แจงให้สังคมเข้าใจ และปกป้องศักดิ์ศรีของตนกลับคืนมา หลังจากที่ต้องตกเป็นจำเลยสังคมถูกมองในแง่ลบมาตลอดหลายปี
พ.ต.อ.สุรพงษ์ ย้ำว่า บางเรื่องถ้าคู่กรณีสำนึกผิด ตนก็พร้อมที่จะให้อภัยและยอมความได้ แต่เรื่องไหนที่ตนถูกสร้างเรื่องใส่ร้าย ก็พร้อมที่จะสู้เพื่อพิสูจน์ความจริง และยังมีอีกหลายเรื่องที่ตนยังไม่อยากเปิดเผยในตอนนี้ เพราะจะรอเวลาที่เหมาะสม.