@ในที่สุด 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัตตานี, ยะลา และ นราธิวาส พร้อมด้วย 4 อำเภอของ จ.สงขลา อ.จะนะ, เทพา, นาทวี และ สะบ้าย้อย ก็สามารถ “ก้าวผ่าน” เดือน “รอมฎอน” เป็นปีแรกในรอบ 18 ปี ของการ “อุบัติ” ขึ้นของ “ไฟใต้” ละลอกใหม่ ที่เริ่มตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา โดยที่ไม่มีเหตุร้าย “ตายเป็นเบือ” จากฝีมือของ “กองกำลังติดอาวุธ” ขบวนการแบ่งแยกดินแดน “บีอาร์เอ็น” ….และเป็นปีแรกในรอบ 18 ปี ที่ “สื่อ” และ “ปีกทางการเมือง” ของ “บีอาร์เอ็น” ไม่มีการ “ขุดคุ้ย” เพื่อ “ตอกย้ำ” ถึง “บาดแผล” ของเหตุการณ์ ณ มัสยิด “กรือเซะ” เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2547 ที่ “ทหาร” ได้มีการ “ปะทะ” กับ “แนวร่วม” จนนำมาถึงการ “ตายหมู่” เกือบ 30 ชีวิต ในมัสยิด “กรือเซะ”…. ไม่ว่าหลังการพ้น 40 วัน ของเดือน “รอมฎอน” สถานการณ์จะกลับมา “รุนแรง” อีกหรือไม่ แต่การที่ไม่เกิดความ “สูญเสีย” ในห้วงของเดือน “รอมฎอน” เหมือนทุกปี ก็ถือเป็น “ก้าวแรก” ของ “สัญญาณ” ที่ดีระหว่าง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ที่มี พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 กับ นายหิพนี มะเร๊ะ หรือ “อิหม่ามบังนังสตา” ตัวแทนของ “บีอาร์เอ็น” ที่แสดงถึง “ศักยภาพ” ในการ “สั่งการ” ให้ “กองกำลังติดอาวุธ” ในพื้นที่ 3 จังหวัด และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา หยุดการ “ก่อเหตุรายวัน” ส่วนใน “ก้าวที่สอง” และก้าวต่อไปไปของการ “ดับไฟใต้” จะเป็นอย่างไร “ไฟใต้” จะค่อยๆ ลดความ “ร้อนแรง” หรือจะกลับมา “โชนแสง” อีกครั้ง ประชาชนในพื้นที่ ต้อง “สนใจ” ที่จะติดตามความคืบหน้า…

@เช่นเดียวกับการที่ พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ หัวหน้าคณะ “พูดคุยสันติสุข” จะต้องเปิดเกมรุกในการ “พูดคุย” โดยตรงกับ ผู้นำบีอาร์เอ็น อย่าง กาแม เวาะเล หรือ “ฆอซาลี” ประธาน “บีอาร์เอ็น” นิเซะ นิฮะ หรือ “เปาะนิอาซิ” เลขาธิการบีอาร์เอ็น และ “อิหม่ามเฮง” ผู้นำ “จิตวิญญาณ” ของ บีอาร์เอ็น แห่ง “เจาะไอร้อง” แทนที่จะต้อง “พูดคุย” ผ่าน “ร่างทรง” อย่าง หิพนี มะเระ หรือ “อิหม่ามบันนังสตา” เพื่อให้เหมาะสมกับ “ศักดิ์ศรี” ของการเป็น “ตัวแทนของรัฐบาล” และวันนี้ “บีอาร์เอ็น” ได้รับการ “ยกระดับ” เป็น ขบวนการแบ่งแยกดินแดน อย่างถูกต้องแล้ว จึงต้องไม่ควรเป็น “องค์กรลับ” อีกต่อไป ทั้ง 2 ฝ่ายต้องแสดงความ “จริงใจ” ต่อ “สังคม” ถึงจะสามารถเดินไปสู่ “ปลายทาง” ของความ “สันติสุข” ของคนในพื้นที่ ซึ่งแน่นอนว่าเป็น “มุสลิม” ที่เป็นคน “ส่วนใหญ่ 90%” ในพื้นที่….ในวันนี้ ทั้ง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ผลักดัน การใช้นโยบาย “พหุวัฒนธรรม” เพื่อให้คนในในพื้นที่ ซึ่งมี “ชาติพันธ์ุ” ที่ต่างกัน สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่าง “กลมกลืน” เหมือนกับในอดีตของ “แผ่นดินปลายด้ามขวาน” แต่การที่มี “กลุ่มคน” ในพื้นที่ ต.สะกอม อ.จะนะ จ.สงขลา ออกมาแสดงความ “ไม่เห็นด้วย” ในการที่ บริษัท “ทีพีไอ” จะก่อสร้าง “เจ้าแม่กวนอิม” บน “เขาล้อน” ซึ่งเป็นที่ดินของ “เอกชน” ริมทะเล เพื่อส่งเสริมให้เกิดธุรกิจการท่องเที่ยว ที่คนในพื้นที่นั่นแหละจะได้ประโยชน์ เรื่องนี้ “ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น ส.ส.” ในพื้นที่ และ องค์กรศาสนา ทั้ง “พุทธ” และ “มุสลิม” ต้องทำความเข้าใจในเรื่องของการอยู่ร่วมกันของสังคม “พหุวัฒนธรรม” การ “แสวงจุดร่วม” และการ “สงวนจุดต่าง” อย่าให้เกิดความ “แตกแยก” และความรู้สึกถึงการ “เอาเปรียบ” และ “ไม่เป็นธรรม” เกิดขึ้น…ในส่วนของ “เอกชน” อย่าง “พีทีไอ” ก็ต้องมองทุกอย่างให้ “รอบด้าน” เพราะ วันนี้มี “เอ็นจีโอ” และกลุ่มคนที่ต้องการได้ “ประโยชน์” จาก“ทีพีไอ” แต่ “เข้าไม่ถึง” กลุ่มหนึ่ง ก็พยายามทำทุกอย่างเพื่อ “ดิสเครดิส” ของ “ทีพีไอ” เพื่อขัดขวางการเกิดขึ้นของ “เมืองอุตสาหกรรมต้นแบบแห่งอนาคต” ที่เป็น “โปรเจคท์” ใหญ่ เพื่อการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้….

@สุดท้ายจับตาให้ดี การออกมาเพื่อ “ขัดขวาง” การสร้าง “เจ้าแม่กวนอิม” พัฒนาเพื่อ “ส่งเสริมการท่องเที่ยว” มี “เป้าหมาย” ทาง “การเมือง” โดยการ “มุ่ง” ไปที่ นิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ รมช.มหาดไทย เพราะข้อเรียกร้องข้อสุดท้ายให้ “ยกเลิก” การก่อสร้าง “เจ้าแม่กวนอิม” บน “เขาล้อน” ระบุชัดเจนว่า ถ้ามีการก่อสร้างเกิดขึ้น ใน “กลุ่มนี้” จะไม่เลือก ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งสุดท้ายก็มีเรื่อง “การเมือง” เข้ามาเกี่ยวข้อง….เรื่องนี้ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่เขตเลือกตั้งที่ 8 อ.จะนะ จ.สงขลา อย่าง พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ ส.ส.หลายสมัย และเป็นคน “ข้างกาย” ที่สำคัญยิ่งของ “จุฬาราชมนตรี” ควรจะทำหน้าที่ “ถอดชนวนระเบิดเวลา” ลูกนี้น่าจะเหมาะสมที่สุด เพราะวันนี้ นอกจาก “สุรินทร์” จะเป็น ส.ส.ของพรรค ปชป.ในพื้นที่ “ขัดแย้ง” แล้ว ยังมี ปรินดา ปาลาเร่ ที่เป็น “น้องสาว” เป็น รองนายก อบจ.สงขลา อยู่ด้วย เมื่อ “การเมือง” เป็นข้อ “ขัดแย้ง” ก็ต้องแก้โดย “การเมือง” ใช่หรือไม่….

@ก็ขอแสดงความยินดีกับการขึ้นค่าตอบแทน “ผู้นำศาสนาอิสลาม” ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งวันนี้มี “นักการเมือง” ในพื้นที่ “โหนกระแส” ว่าเกิดจาก “พรรคตน” หรือ “พวกตน” ในการ “ผลักดัน” ให้มีความ “สำเร็จ” ก็ไม่ว่ากัน เพราะการขอค่าตอบแทนเพิ่มเป็นความประสงค์ของ “ผู้นำศาสนา” ที่เห็นว่า ทำงานหนัก แต่ค่าตอบแทนน้อย แต่ รัฐบาล ก็อย่าลืมเรื่อง “ค่าตอนแทน” ของพระสงฆ์องค์เจ้าของศาสนาพุทธ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย เพื่อให้เห็นถึงความ “เท่าเทียม” ซึ่งวันนี้ก็มีเสียงที่ส่ง “สัญญาณ” จากกลุ่ม “ไทยพุทธ” ในพื้นที่ แล้วที่มองว่าเป็นความ “เหลื่อมล้ำ” จากการบริหารประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อย่าลืมว่าปัญหาของ “ไฟใต้” ส่วนหนึ่งมาจากความ “เหลื่อมล้ำ” และที่สำคัญที่ “ไฟใต้ยังโชนแสง” ส่วนหนึ่งมาจาก “ความรู้สึก” ซึ่งเป็น “ปมลึก” ของ “ไฟใต้” ที่รัฐบาล ยังแก้ไม่ตก… และที่ต้องทำความเข้าใจกับ “ไทยพุทธ” ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้คือ เรื่องที่เกี่ยวกับงานด้าน “ศาสนา” วันนี้เป็นเรื่องของ “กรมศาสนา” โดยตรง มีส่วนเกี่ยวข้องกับ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) น้อยมาก เช่นเดียวกับเรื่อง “การศึกษา” ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ การ “เพิ่มปัญหา” การ “แก้ปัญหา” เป็นเรื่องของ กระทรวงศึกษาธิการโดยตรง ศอ.บต. มีหน้าที่ “แตะ” เพียงเล็กน้อย ดังนั้น ต้องเข้าใจให้ถูก จะได้ “ด่าถูกที่ ตีถูกคน” เช่นเดียวกับที่ คณะกรรมการที่ปรึกษา ศอ.บต. ที่เห็นว่า นโยบายการศึกษาของจังหวัดชายแดนภาคใต้ “ผิดทิศผิดทาง” และควรที่จะ “ยุบทิ้ง” กระทรวงศึกษาธิการส่วนหน้า และตำแหน่งศึกษาธิการภาค ศึกษาธิการจังหวัด ที่เกิดจาก “คสช.” ก็ต้อง “ส่งสาร” ถึง ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ ไม่ใช่  พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. วันนี้ งานด้านการศึกษา งานด้านการศาสนา ศอ.บต. ไม่ได้มี “หน้าที่” รับผิดชอบอย่างเต็มที่เหมือนในอดีตอีกแล้ว….

@ยังเป็นพื้นที่ “อาชญากรรม” อันดับต้นๆ ของ 7 จังหวัดภาคใต้ โดยเฉพาะอาชญากรรมที่เกิดจากการใช้ “อาวุธสงคราม” ที่เกิดขึ้นถี่ๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. (สส 2) ได้นำกำลังทั้งในพื้นที่และ “ส่วนกลาง” กวาดล้างไปแล้วแต่ไม่จบ ก็ได้แต่คาดหวังว่า พล.ต.ต.ตานิตย์ รามดิษฐ์ ผบก.ภ.จว.พัทลุง คงจะมีการ “ปรับกลยุทธ์” และ “ยุทธวิธี” ให้ตำรวจรู้ “เท่าทัน” ความเคลื่อนไหวของคนร้ายและงาน “การข่าว” เพื่อกวาดล้าง “อาวุธสงคราม” ในพื้นที่ให้หมดสิ้น…และเรื่องใหญ่อีกเรื่อง ที่อาจจะเกินความสามารถของ พล.ต.ต.ไพโรจน์ กุจิระพันธ์ ผบก.กธ. คือการ “สะสาง” คดี “ทุจริตของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพัทลุง” จำนวน 1,450 ล้าน ที่วันนี้ คดียังเดินหน้าไปไม่ถึงไหน ทำให้ ตำรวจหลายนายรอการ “สะสาง” คดี เพื่อจับกุมคนผิดมาลงโทษไม่ได้ มีการตั้ง “ทนาย” ฟ้องเอาผิดผู้ทำการ “ทุจริต” ด้วยตนเอง เรื่องนี้ พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผบช.ภ.9 หรือ “สันติสุข 1” ต้องตั้งคณะทำงานที่ไม่เกรงการ “ลูบหน้าปะจมูก” เข้ามาดำเนินการ เพราะมี ตำรวจจำนวนหนึ่ง เป็นผู้ทำการ “ทุจริต” ที่ลำพังตำรวจในพื้นที่ไม่กล้า “แตะต้อง”….

@ผ่านไปแล้ว 10 กว่าปี จีที 200 หรือ “ไม้ล้างป่าช้า” ที่ไม่มีประสิทธิภาพ และแพงเกินจริง หลายคนที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด เกษียณอายุราชการไปแล้ว เช่น ดลเดช พัฒนรัฐ อดีต ผวจ.ยะลา, ธีระ มินทราศักดิ์ อดีต ผวจ.ปัตตานี ส่วนที่ยังรับราชการอยู่อาทิ ขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผวจ.ตรัง กู้เกียรติ วงค์กระพันธ์ ผวจ.พัทลุง และข้าราชการอื่นๆรวม 12 คนด้วยกัน วันนี้ทุกคนยังเป็นผู้ “บริสุทธิ์” เพราะ “กฎหมาย” ยังเปิดโอกาสให้พิสูจน์ความจริง….อีกเรื่องที่ เห็นด้วย กับ ป.ป.ช.ภาค 9 คือการตรวจสอบคดีการให้ใบอนุญาตให้มีอาวุธปืน ให้กับผู้ต้องหาค้ายาเสพติดรายใหญ่ระดับประเทศ คนเดียว 35 กระบอก ที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เพราะเป็นเรื่องที่ “ไม่ชอบมาพากล” โดยเฉพาะมี “ภาพถ่าย” ของ “ข้าราชการ” ทั้ง “ตำรวจ” และ “ปกครอง” ที่ร่วม “ดื่มกิน” กับ ผู้ต้องหาคนดังกล่าว จนเป็นที่ “วิพากษ์ วิจารณ์” ของสังคม เรื่องการให้ใบอนุญาต “ซื้อปืน” และใบอนุญาต “พกปืน” ไม่ควรจบเพียงแค่การสอบสวนเพื่อหาหลักฐานความผิดปกติของ ป.ป.ส.ภ.9 เพื่อหา “คนผิด” มาเป็น “จำเลยสังคม” แต่เป็นเรื่องที่ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย โดยเฉพาะ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา “มท.1” ต้อง เข้มงวด ตรวจสอบ นายอำเภอ ซึ่งเป็น “นายทะเบียน” อาวุธปืน ก่อนอนุญาตใคร ให้มีอาวุธปืน อย่าดู “ฐานะ” อย่างเดียว ต้องตรวจสอบประวัติให้ถี่ถ้วน และที่สำคัญคือไม่ควรจะอนุญาตให้คน 1 คน มีอาวุธปืนหลายๆ กระบอก….ที่สำคัญมีเสียง “นินทา” กันมา “นมนาน” ว่าเรื่องการ “ขออนุญาตซื้อ” ต้องมีการ “จ่าย” กระบอกละ 5,000-10,000 บาท อนุญาตพก 10,000-20,000 บาท เรื่องอย่างนี้ไม่ควรเกิดขึ้นอีกต่อไป….

@“แพงทั้งแผ่นดิน” พ่นพิษ ถึงเกษตรกรชาวสวนยางและสวนชาวใต้แล้ว เพราะอาชีพของชาวใต้คือการ “ทำสวน” เดือน พฤษภาคม เป็นห้วงเวลาการ “เปิดกรีดยาง” แต่ ชาวสวนไม่มีปัญญา “ซื้อปุ๋ย” ที่ขึ้นราคาเกินกว่า 100% ยาง และ ไม้ผล ถ้า “ขาดปุ๋ย” เจ้าของสวนก็ “ขาดใจ” เพราะ “ไร้ผลผลิต” ในขณะที่ “ประมงชายฝั่ง” อาจจะ “จอดเรือ” เพราะ “น้ำมันแพง” เรื่อง “ปุ๋ย” จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.พาณิชย์ และ เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ จะว่าอย่างไร มีทางไหนในการช่วยเกษตรกรบ้าง เอาให้ชัด “ก่อนหายนะ” จะเกิดกับชาวสวน … และข่าวว่าปีนี้ “ชาวนา” ในภาคอื่นๆ ก็จะเลิก “ปลูกข้าว” เพราะ “ปุ๋ยแพง” เช่นกัน หรือ ปี 2566 ประเทศไทย ต้อง “ซื้อข้าว” จาก “เวียดนาม” และ ราคายางอาจจะขึ้นไปถึง กิโลละ 100 บาท เพราะ ขาดแคลนผลผลิต แต่ชาวสวนยาง “ผอมโซ” เพราะ ยางขาดปุ๋ย ไม่มี “น้ำยาง” ออกสู่ท้องตลาด….

@ส่วนเรื่องน้ำมันแพง “ทางออก” มี แต่ พล.อ.ประยุทธิ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รมว.พลังงาน ไม่กล้าทำ 1. คือ ปรับโครงสร้างน้ำมันของ “โรงกลั่น” 5-6 บริษัท เพื่อให้ “ต้นทุน” มีความ “ชัดเจน” กับความ “เป็นจริง” 2. หยุดนำ “ไบโอดีเซล” มา ผสมกับน้ำมัน “ดีเซล” หยุดการนำ “เอทานอล” มาผสมกับ น้ำมัน “เบนซิน” ชั่วคราว ขอร้องให้ “คนอ้วน” ไม่เกิน 10 คน ให้ “เสียสละกำไร” เพื่อช่วย “คนผอม” 60 กว่าล้านคน ทำไม่จึงไม่ทำ มีผลประโยชน์อะไรทาง “การเมือง” ค้ำคออยู่หรือไม่…และในเมื่อรัฐบาล สามารถมี “โควตา” ให้กับ โรงงานอุตสาหกรรมที่เรียกว่า “น้ำมันอุตสาหกรรม” และ “น้ำมันเขียว” สำหรับประมงพาณิชย์ ที่ขายในราคาถูกกว่าน้ำมันทั่วไป แล้วทำไม จึงไม่คิดที่จะมี “โควตา” น้ำมันราคาถูก ให้กับ ผู้ประกอบการขนส่ง เพื่อช่วยลด “ต้นทุน” โดยไม่ต้อง “ซ้ำเติม” ราคาสินค้า วันนี้ บริษัทขนส่ง หรือ “โลจิสติกส์” เขามีถังน้ำมัน มีหัวจ่าย ซื้อน้ำมัน จาก “คลัง” มาใช้เองอยู่แล้ว แค่กำหนด “โควตา” ให้เขา ก็เป็น “แนวทาง” ในการแก้ปัญหาได้…และที่พบมา และเห็นว่าเป็น “อันตราย” กับ “ประชาชน” ที่ต้องการให้ “สาธารณสุข” แต่ละจังหวัดทำการ “ตรวจสอบ” คือ หลังการปรับราคาของ “น้ำมันปาล์ม” จากขวดละ 45 บาท เป็น 65-70 บาท พ่อค้า แม่ขาย ที่ต้องใช้น้ำมันในการ “ทอด” ต่าง “ลดต้นทุน” ด้วยการ “ทอดซ้ำ” ด้วยน้ำมันเก่ากันถ้วนหน้า นี่คือการให้ “ยาพิษ” กับผู้ “บริโภค” ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้อง “ใส่ใจ” กับปัญหาที่จะเกิดกับการ “ตายผ่อนส่ง” ของคนในประเทศ….

@ข่าวดี วันที่ 6-7 พฤษภาคม นี้ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) จัด “มหกรรมวิ่งเทรลระดับโลก” ที่ จ.ยะลา เพื่อให้ “นักวิ่ง” ได้ชื่นชมกับ “ธรรมชาติ” ของผืนป่า “ฮาลาบาลา” เป็นการเปิด “เมืองเบตง” สู่สายตาของ “ชาวโลก” ถึงความ “ยิ่งใหญ่” ของ “ผืนป่าแอมะซอนภาคใต้”… เป็นอีกก้าวหนึ่งของการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดชายแดนภาคใต้ของ ศอ.บต.หลังจากที่ก่อนหน้านี้ พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. ได้ “ผลักดัน” ให้มีการเปิดใช้สนามบินเบตง ได้สำเร็จ โดยสายการบิน “นกแอร์” เปิดเส้นทางบิน ดอนเมือง-เบตง สัปดาห์ละ 3 วัน อังคาร-ศุกร์ และ อาทิตย์  วันนี้ “เบตง” ไม่ใช่ “เมืองปิด” อีกต่อไป ….สิ่งสำคัญ คนเบตง ทุกภาคส่วน ที่เกี่ยวข้องกับ การค้า การขาย การท่องเที่ยว โรงแรม สถานบริการ จะต้องไม่ “เห็นแก่ได้” และ “เห็นแก่ตัว” ต้องช่วยกัน สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยว เพื่อการกลับมาเยือน “เบตง” ครั้งต่อไปและต่อไป….

@ส่วนที่ “หาดใหญ่” ยังน่าผิดหวัง หลังการ “เปิดเมือง” ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม เป็นต้นมา นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย และคนไทยจากนอกพื้นที่ ยังไม่กลับมา “หาดใหญ่” อย่างที่คาดหวัง แม้แต่ เทศกาล “ฮารีรายอ” ก็ไม่มี นักท่องเที่ยว เข้ามาอย่างที่คิด สภาพของ โรงแรม 4 ดาว 5 ดาว ยังคง “โหรงเหรง” ยังมีการ “ปิดห้องอาหาร” ปิดแอร์ เพื่อ “ลดต้นทุน” ไม่มีแม้แต่ พนักงาน “หิ้วกระเป๋า” ของ แขกผู้มาพัก มีเพียง พนักงาน “ต้อนรับ” 1-2 คน สภาพของ “หาดใหญ่” คงจะเป็น “เมืองร้าง” ไปอีกนาน…. วันนี้ทุกคนที่มา “หาดใหญ่” เห็นแล้วต่าง “ห่อเหี่ยว” ไม่แพ้คนหาดใหญ่ การที่จะ “ฟื้นฟู” เมืองหาดใหญ่ ที่สำคัญ “คนหาดใหญ่” ที่เป็น เจ้าของกิจการ ที่เป็น นักลงทุน นักธุรกิจ “รุ่นใหม่” ต้อง ออกมา “ขับเคลื่อน” เพื่อสร้างความคิดใหม่ให้เกิดขึ้นให้ได้ “นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา” ก็เปลี่ยนแล้ว “นายกสมาคมโรงแรม” ก็เปลี่ยนแล้ว แต่ “เจ้าของกิจการ” ยังเป็น “คนเดิม” และยังหลงอยู่กับ “ความคิด” เดิมๆ ถ้า ความคิดเดิมๆ ยังไม่เปลี่ยน และ ธุรกิจในหาดใหญ่ ยังเป็นเรื่องของ “กงสี” เรื่องของ “ครอบครัว” การเปลี่ยน “ผู้นำองค์กร” อย่างเดียวก็ช่วย “กู้” เมือง “หาดใหญ่” ไม่ได้แน่นอน วันนี้ “คนหาดใหญ่” ต้องตอบให้ได้ว่า “หาดใหญ่จะขายอะไร” และไหนคือ “จุดขาย” ของ “เมืองหาดใหญ่” ถ้าตอบ “โจทย์” ข้อนี้ไม่ได้ รับรองว่า หาดใหญ่ “จบเห่” แน่นอน….แล้วพบกันใหม่วันศุกร์หน้าครับ 

————————————————————–

ไชยยงค์ มณีพิลึก 

พระราชทานเพลิงศพ.  พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี เป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพ พระครูประโชติ รัตนานุรักษ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดรัตนานุภาพ และพระสมุห์อรรถพร ขุนอำไพ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส ซึ่งมรณภาพจากฝีมือคนร้ายในขบวนการแบ่งแยกดินแดน ณ วัดรัตนานุภาพ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส 

ประชาธิปัตย์คัพ.   นิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย และ สรรเพชญ บุญญามณี ผู้ช่วยดำเนินการชายชวน หลีกภัย เป็นประธานเปิดการแข่งขันฟุตบอบ ประชาธิปัตย์สงขลาคัพ 2022 ณ สนามกีฬาติณสูลานนท์ อ.เมือง จ.สงขลา โดยมีทีมนักฟุตบอลเข้าร่วมแข่งขัน และชิงเงินรางวัลและถ้วยรางวัลจำนวน 64 ทีม 

สำรวจแหล่งท่องเที่ยว.   พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) นำทีมงานลงพื้นที่สำรวจแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ใน ต.ตาเนาะแมเราะ อ.เบตง จ.ยะลา เพื่อส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมชุมชนเก่า 100 ปี 

แถลงข่าว.   พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ หัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ แถลงข่าวการเตรียมการ “พูดคุย” กับ ขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็น ครั้งต่อไป หลังเห็นความสำเร็จของการพูดคุยในเดือนรอมฎอน โดยมี พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาค 4/ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 และ พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผบช.ภ.9 ร่วมด้วย ณ ห้องประชุม กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า อ.ยะรัง จ.ปัตตานี 

ร่วมละศีลอด.  นิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ร่วมละศีลอดกับพี่น้องที่นับถือศาสนาอิสลามในเดือนรอมฎอน ที่มัสยิดนูรุดดิน (รร.แสงธรรมวิทยามูลนิธิ) อ.จะนะ จ.สงขลา โดยมี พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ ส.ส.เขต 8 สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ร่วมด้วย 

รับเรื่องร้องเรียน.   พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ เลขาธิการ พรรคประชาชาติ ลงพื้นที่เพื่อร่วมละศีลอดกับพี่น้องที่นับถือศาสนาอิสลามในพื้นที่ ต.สกอม อ.เทพา จ.สงขลา และรับเรื่องร้องเรียนจากผู้แทนศาสนาในพื้นที่ ซึ่งคัดค้านการสร้างเจ้าแม่กวนอิม ในพื้นที่เขาล้อน 

ต้อนรับ.   พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รอง ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ในฐานะผู้แทน ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ให้การต้อนรับ เจมส์ แอล เวย์แมน รักษาการอุปทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ซึ่งเดินทางมาเยือนจังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อติดตามปัญหาเรื่องสิทธิมนุษยชน และการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ ห้องประชุม กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร อ.ยะรัง จ.ปัตตานี 

ขับเคลื่อนคุณภาพชีวิต.    อำนวย ศรีษะแก้ว และ กนกรัตน์ เกื้อกิจ ผู้ช่วยเลขาธิการ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ร่วมงานการขับเคลื่อนงานด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ ห้องประชุมโรงแรมซีเอส อ.เมือง จ.ปัตตานี 

กำลังใจ.   กันตพงศ์ ลิ่มกาญจนา ประธานหอการค้าจังหวัดยะลา พร้อมด้วย ร.ต.อ.วัฒนา ทรพีสิงห์ ผบ.ร้อย ฉก.ตชด.443, จ.ส.ต.เอนกวิทย์ ขวดทอง หน.ชป.เสริมสร้างความเข้าใจ ร้อย ฉก.ตชด.443 กำลังพล รวม 5 นาย และโฆษกชาวบ้านรุ่นที่ 1, 7, 10 ลงพื้นที่บ้านบ่อหิน หมู่ที่ 5 หมู่ที่ 7 หมู่ที่ 11 ต.ธารโต อ.ธารโต จ.ยะลา เข้ามอบถุงยังชีพให้กับผู้ป่วยติดเตียงและผู้ที่มีความบกพร่องทางร่างกาย เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้ป่วยและสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างเจ้าหน้าที่กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่อีกด้วย 

ช่วยเหลือ.   ชะบา มะทา ประธานสาขาพรรคประชาชาติ เขต 2 จ.ยะลา พร้อม บัดรียะห์ ยะโต๊ะ ประธานสตรีจังหวัดยะลา และทีมงานสตรีรามัน ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนและมอบสิ่งของ-เงินจำนวนหนึ่ง ให้กับ สะแลแม แตบือนา อายุ 70 ปี ผู้มีฐานะยากจน พิการทางการเคลื่อนไหว (เดินไม่ได้) และ ด.ญ.นัสเราะ เวาะซอ อายุ 10 ขวบ กำพร้า ครอบครัวยากจน อาศัยอยู่กับแม่ และน้องอีก 2 คน ชาวบ้านในพื้นที่ ต.กาลอ อ.รามัน จ.ยะลา 

น้ำใจ.  อนันต์ แจ่มจันทา ประธานชุมชน จับมือกับ ชุด ตำรวจชุมชนสัมพันธ์ สภ.เมืองยะลา จ.ยะลา นําเครื่องดื่มและอินทผลัมมอบให้แก่คณะกรรมการมัสยิดดารุลอิห์ซาน (เบอร์เส้งนอก) และมัสยิดดารุลฮีดายะห์ (ผังเมือง 4 ซอย 3) อ.เมือง จ.ยะลา เพื่อใช้ในการละศีลอดและสานสัมพันธ์การอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม 

มอบนโยบาย.   โอฬาร บิลสัน นายอำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี มอบแนวทางการปฏิบัติงานให้แก่สมาชิก อส.อ.ยะหริ่ง (งานธุรการ) ในการสนับสนุนการขับเคลื่อนการปฏิบัติงานต่างๆ ตามนโยบาย/ข้อสั่งการของหน่วยเหนือให้เกิดประโยชน์กับทางราชการและประชาชนในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง และในการนี้ ได้มอบเงินส่วนส่วนตัวจำนวนหนึ่ง เพื่อเป็นกำลังใจแก่กำลังพลอีกด้วย ณ ห้องปฏิบัติงานนายอำเภอยะหริ่ง ที่ว่าการอำเภอยะหริ่ง จ.ปัตตานี 

เครื่องฆ่าเชื้อ.   ศักดิ์ชัย จันทร์เกิด ผู้ช่วยผู้จัดการโทรศัพท์ จ.สงขลา นำตู้ฆ่าเชื้อพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อฆ่าเชื้อโควิด-19 มาติดตั้งที่ถนนคนเดินเทศบาลนครสงขลา เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว และประชาชนทั่วไปที่มาเที่ยวงาน 

“รันร่วมรัก”.   สุพิศ พิทักษ์ธรรม  รองอธิบดีกรมฝนหลวงเพื่อการเกษตร เป็นประธานเปิดงาน “รันร่วมรัก” ครั้งที่ 1 ณ ที่หาดแสนสุข ต.บ่อแดง อ.สทิงพระ จ.สงขลา เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของ อบต.บ่อแดง โดยมี โดมเดช ขุนกลับ นายก อบต.บ่อแดง ให้การต้อนรับ ซึ่งงานวิ่งในครั้งนี้มีนักวิ่งมาร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก 

ชมการแสดง.  กระจายศักดิ์ ศรีสงค์ นายกเทศมนตรีตำบลบ่อตรุ อ.ระโนด จ.สงขลา พร้อมด้วย ณฑัต พรุเพชรแก้ว รองนายกเทศมนตรี กมล ภิญโญ ที่ปรึกษานายกเทศมนตรี และ จรัญ บางเสน เลขานุการนายกเทศมนตรี ร่วมชมการแสดง Mini Hot Air Balloon Show ณ สวนป่าเฉลิมพระเกียรติเทศบาลตําบลบ่อตรุ ซึ่งสนับสนุนการจัดงานโดยเทศบาลตําบลบ่อตรุ และลีวิวัฒน์ซุปเปอร์สโตร์ 

เปิดงาน.   อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธีเปิดงานการใช้ห้องตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำยางสดของสหกรณ์การเกษตรย่านตาขาว จำกัด ณ โรงรมหนองสามห้อง หมู่ที่ 8 ตำบลเกาะเปียะ อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง โดยมี ขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรังพร้อมคณะให้การต้อนรับ 

ประชุมใหญ่สามัญ.  ณ ห้องประชุมโรงแรมธรรมรินทร์ธนา ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง ดร.กนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดการประชุมใหญ่สามัญประจำปีกลุ่ม และสมาคมโรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนาครั้งที่ 30 ประจำปีการศึกษา 2564 พร้อมมอบโล่แก่ผู้ทำคุณประโยชน์จำนวน 35 คน พร้อมบรรยายพิเศษและมอบนโยบายให้แก่ผู้เข้าร่วมประชุม โดยมี ภูวนัฐ สมใจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ให้การต้อนรับ