ในชีวิตนั้น บางสิ่งบางอย่างที่หวังไว้ แล้วมันเฉียดการบรรลุเป้าหมายไปนิดเดียวนั้น ถึงก่อนหน้าจะทำใจแล้วว่าสำเร็จยาก แต่มันก็ยังอดเสียดายไม่ได้อยู่ดี…

ในเกมลีกนัดปิดซีซั่น วันชี้ชะตาแชมป์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานั้น ลูกทีมของ เจอร์เกน คลอปป์ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน แล้วแช่งให้ แมนฯ ซิตี ไม่ชนะ แอสตัน วิลลา ในบ้านตัวเอง เป้าหมายแชมป์ลีกจึงจะสำเร็จ

แฟนบอลคนไหนเห็นเงื่อนไขนี้ก็บอกว่ามันยาก แถมเปิดมาไม่กี่นาทียังโดน รูเบน เนเวส กระทุ้งจ่อ ๆ ให้ทีมเยือนนำไปก่อนอีก นาทีนั้นเชื่อว่าตะลึงกันทั้งสนามแอนฟิลด์ ภารกิจที่เป็นเป้าหมายยากขึ้นเป็น 2 เท่า

แต่ ลิเวอร์พูล ในยุคของ คลอปป์ แสดงให้เห็นมาแล้วหลายครั้งว่าพวกเขาสามารถคัมแบ๊กได้เสมอ ประตู 1-1 ของ ซาดิโอ มาเน ทำให้ทุกอย่างกลับมาอยู่ในเส้นทาง บวกกับการที่ “เรือใบสีฟ้า” เกิดอาการเกร็ง และทะลึ่งตามหลัง “สิงห์ผงาด” หน้าตาเฉยหลังจบครึ่งแรก ประตูของ “หงส์แดง” จึงเปิดกว้าง

แถมเมื่อ แมนฯ ซิตี ตาม วิลลา เพิ่มเป็น 0-2 ในช่วงกลางครึ่งหลัง เชื่อว่านาทีนั้นทุกคนชื่อมั่นแล้วว่าขออีกประตูเดียวเท่านั้น ทุกอย่างจะกลับมาอยู่ในมือพวกเขา เพราะ “เรือใบสีฟ้า” ไม่น่าจะกลับมาได้แล้ว

แต่ที่ไหนได้ เปป กวาร์ดิโอลา ดันเสกมนต์ให้ลูกทีมซัด 3 ลูกซ้อน ๆ ในเวลาแค่ 5 นาที แซงกลับมานำ วิลลา 3-2 พร้อมกับโมเมนตัมในเกมที่เอติฮัด สเตเดี้ยม ที่เทไปฝั่งเจ้าบ้านอย่างรุนแรงไม่ต่างจากน้ำป่าไหลหลาก พูดง่าย ๆ ว่านาทีนั้นโอกาสที่ “สิงห์ผหงาด” จะยิงตีเสมอได้ มีน้อยกว่าโอกาสที่พวกเขาจะโดนลูกที่ 4

ซึ่งหมายความว่าแม้ “หงส์แดง” จะยิงประตูชัยเหนือ “หมาป่า” ได้ก็ไม่เพียงพอที่จะเป็นแชมป์ และ 2 ประตูของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน จึงกลายเป็นแค่ประตูปลอบใจ

แม้เป้าหมายในเกมลีกซีซั่นนี้จะไม่บรรลุ แต่อย่าลืมว่าลูกทีมของ คลอปป์ ยังมีเป้าหมายที่สำคัญมากอีก 1 เกมในถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงดำวันเสาร์ที่ 22 พ.ค. นี้ และสิ่งที่ต้องเป็นห่วงตอนนี้คืออาการบาดเจ็บของ ติอาโก อัลคันทารา ที่โดนเปลี่ยนออกในเกมนี้ รวมถึง ฟาบินโญ ที่ยังคงไม่มีชื่อในเกมกับ “หมาป่า” ด้วย

กระนั้น บรรยากาศในช่วงที่สถานการณ์ยังลูกผีลูกคนนั้น บ่งชี้ให้เห็นชัดเลยว่าความตึงเครียดมันพุ่งถึงขีดสุด สถานการณ์ของอีกสนาม ส่งผลโดยตรงกับปฏิกิริยาของแฟนบอลบนอัฒจันทร์ วิลลา ยิงปัง แฟนบอล ลิเวอร์พูล เฮสนั่นยิ่งกว่า “หงส์แดง” ยิงได้

อย่างที่บอกไปตอนน้นนั่นแหละครับ เมื่อมันเฉียดใกล้เป้าหมายเพียงคืบแต่ไปไม่ถึง ความเสียดายย่อมเท่าทวีคูณ

กระนั้น หากย้อนดูภาพรวมทั้งซีซั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่พวกเขาเคยตามถึง 14 แต้มในช่วงเดือนมกราคม แต่สามารถควบมาจนได้เบียดกับ “เรือใบสีฟ้า” จนถึงหยดสุดท้ายเยี่ยงนี้ คำว่า “เสียดาย” น่าจะถูกต้องกับความรู้สึกของเหล่า “เดอะ ค็อป” มากกว่าคำว่า “เสียใจ”

นี่คือฤดูกาลที่ ลิเวอร์พูล ทำผลงานในเกมลีกได้อย่างยอดเยี่ยมมาก ๆ แล้ว แต่ขาดแค่ปลายจมูกให้กับทีมที่แข็งแกร่งทั่วแผ่นอย่าง แมนฯ ซิตี นั่นคือเรื่องที่ “เดอะ ค็อป” ทั้งหลายควรรู้สึกเสียดาย แต่ไม่ควรเสียใจ และจากนี้ก็เตรียมตัวให้กำลังใจทีมในซีซั่นต่อไป ซึ่งคาดว่าก็น่าจะต้องดวลกับทีมของ เปป กวาร์ดิโอลา อีกนั่นแหละ

แต่มันอาจเป็นงานที่สาหัสกว่าเดิม เมื่อทีมสีฟ้าในเมืองแมนเชสเตอร์ มีบุรุษชื่อ เออร์ลิง เบราต์ ฮาแลนด์ อยู่ในทีมด้วย…

///////////////////////

สถิติน่าสนใจจากเกม ลิเวอร์พู – วูล์ฟแฮมป์ตัน

  • ลิเวอร์พูล เก็บได้ 92 แต้มในซีซั่นนี้ ซึ่งเป็นสถิติทีมที่เก็บคะแนนมากสุดเป็นอันดับ 2 ที่ไม่ได้แชมป์ลีกสูงสุดแดนผู้ดี รองจากพวกเขาเองที่ได้รองแชมป์ในซีซั่น 2018-19 ทั้งที่เก็บได้ถึง 97 คะแนน
  • ลิเวอร์พูล เอาชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน ในลีกเป็นเกมที่ 11 ติดต่อกัน โดยยิงได้ 24 ลูก และเสียแค่ 3 ประตูเท่านั้น
  • ลิเวอร์พูล กลับมาเก็บแต้มได้ถึง 20 คะแนน ในเกมที่ถูกยิงนำ มากกว่าทุกทีมในซีซั่นนี้
  • ลิเวอร์พูล ได้ประตูจากนักเตะที่ลงมาเป็นตัวสำรองถึง 10 ลูกในเกมลีกซีซั่นนี้ (ไม่รวมการทำเข้าประตูตัวเอง) ซึ่งเป็นสถิติมากที่สุดในฤดูกาลนี้อีกเช่นกัน
  • ซาดิโอ มาเน ยิงประตูในเกมสุดท้ายของฤดูกาลให้กับ ลิเวอร์พูล ไปแล้ว 6 ลูก เป็นสถิติมากสุดของนักเตะ “หงส์แดง” และในจำนวน 6 ลูกนั้น ครึ่งหนึ่งเป็นการส่องตาข่าย “หมาป่า”

เครดิตภาพ : REUTERS