มาแล้วค่าทุกคน “มาดามเมี๊ยนฤดี” มาแล้ว มาพร้อมประจำการเตรียมตัวมอบสาระความบันเทิงรอบโลกแล้วค่า เอาเป็นว่าเพื่อไม่ให้เป็นการเสียนาฬิกา เอ้ย! เวลา สัปดาห์นี้เดี๊ยนก็จะทุกคนบุกมาถึงเมืองน้ำหอม กับงาน “เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ เมืองคานส์ ครั้งที่ 75” ที่ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งปีนี้กลับมามีบรรยากาศปกติเต็มรูปแบบเหมือนก่อนสถานการณ์โควิดอีกครั้ง รวมถึงแฟชั่นที่เหล่าดารา-เซเลบจัดกันมาเต็มพิกัด ชุดฟูฟ่อง ลากกระโปรงยาว ทยอยมาตั้งแต่วันเปิดงานวันที่ 18 พ.ค. จนถึงวันปิดงาน 28 พ.ค.ที่ผ่านมา

โดยไฮไลต์สำคัญของพิธีเปิดเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ครั้งที่ 75 ก็คือการมอบ “รางวัลปาล์มทองคำเกียรติยศ” ให้แก่นักแสดงผิวสีชาวอเมริกัน Forest Whitaker (ฟอเรสต์ วิตเทกเกอร์) สำหรับการทำงานในฐานะนักแสดงของเขาทั้งชีวิต และเป็นผู้มีผลงานร่วมฉายในสายประกวดเทศกาลนี้ครั้งแรกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1988 กับเรื่อง Bird ของผู้กำกับ Clint Eastwood (คลินต์ อีสต์วุด)

สำหรับหนังสายประกวดในเทศกาลประจำปีนี้ มี คณะกรรมการตัดสินทั้งหมด 9 ท่าน ด้วยกัน ได้แก่ ผู้กำกับภาพยนตร์ Asghar Farhadi, Joachim Trier, Ladj Ly และ Jeff Nichols นักแสดงหญิง Noomi Rapace, Rebecca Hall, Deepika Padukone, Jasmine Trinca และVincent Lindon

ภาพรวมรางวัลในเทศกาลหนังเมืองคานส์ปีนี้ ถือว่าเป็นการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งของผู้กำกับชาวสวีเดน Ruben Östlund (รูเบน ออสต์ลุนด์) กับผลงานเรื่องล่าสุดของเขาอย่าง “Triangle of Sadness” ซึ่งถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเต็งของปีนี้ และสุดท้ายก็สามารถคว้ารางวัล “Palme d’Or” หรือ “ปาล์มทองคำ” แห่งปีไปครอง หลังจากที่ผลงานหนังเรื่องก่อนของเขา The Square ก็เคยขึ้นรับรางวัลนี้มาแล้ว เมื่อปี 2017

ขณะที่รางวัลใหญ่ “ผู้กำกับยอดเยี่ยม” (Best Director) ของปีนี้ตกเป็นของผลงานหนังเอเชีย โดยฝีมือผู้กำกับจากเกาหลีใต้ Park Chan-Wook (พัคชานอุค) แห่งหนังไตรภาคลุงโหด Old Boy ผลงานหนัง “Decision to Leave” ที่เล่าเรื่องราวความรักระหว่างการสืบสวนคดีฆาตกรรมที่นำแสดงโดย “พัคแฮอิล” และ “ถังเหว่ย” ร่วมด้วย “โกคยองพโย” ซึ่งนี่ถือเป็นรางวัล Best Director ครั้งแรกของ “พัคชานอุค” ถัดจากหนัง Old Boy คว้ารางวัล Grand Prix เมื่อปี 2004 และหนัง Thirst คว้ารางวัล Jury Prize ปี 2009

ทางด้านรางวัลรองลงมาอย่าง “Grand Prix” ในปีนี้ ตกเป็นของ “Stars at Noon” หนังโรแมนติกทริลเลอร์ของผู้กำกับหญิงชาวฝรั่งเศส Claire Denis (แคลร์ เดนิส) และหนังอีกเรื่องก็คืออีกหนึ่งตัวเต็ง “Close” หนังเรื่องล่าสุดของผู้กำกับ Lukas Dhont (ลูคัส ดอนต์) ซึ่งเป็นหนัง Coming-of-Age สไตล์ LGBT และเรื่องนี้เป็นหนังที่มีคะแนนเฉลี่ยของนักวิจารณ์สูงที่สุดในเทศกาลกาลหนังปีนี้ ทำให้หนังทั้ง 2 เรื่องมีคะแนนการตัดสินใจที่เท่ากัน และรับรางวัลคู่กัน

ทางด้านวงการหนังเกาหลีก็ยังไม่ลดดีกรีความร้อนแรงลง โดยนักแสดงดัง Song Kang-ho (ซงคังโฮ) ก็คว้ารางวัล “นักแสดงชายยอดเยี่ยม” ปีนี้ไปครอง จากการแสดงในหนัง “Broker” ด้านรางวัล “นักแสดงหญิงยอดเยี่ยม” ตกเป็นของ Zar Amir-Ebrahimi (ซาห์ร่า อามีร์ เอบราฮิมี่) ดาราสาวชาวอิหร่าน จากเรื่อง “Holy Spider” ที่ได้รับเสียงชื่นชมอย่างท่วมท้น ตามมาด้วย “รางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปี” ได้แก่ Tarik Saleh (ทาริก ซาเลห์) จากหนังเรื่อง “Boy from Heaven” และในส่วนของผลรางวัลอื่นๆ
“มาดามเมี้ยนฤดี” ได้รวบรวมมาให้แล้ว ซึ่งมีดังต่อไปนี้

  • COMPETITION
    รางวัล 75th Anniversary Special Award ได้แก่ Jean-Pierre และ Luc Dardenne จาก Tori & Lokita
    รางวัล Jury Prize ได้แก่ “The Eight Mountains” และ “EO” (เสมอกัน)
    รางวัล Camera d’Or ได้แก่ “Plan 75” โดย Hayakawa Chie
    รางวัล Short Films Palme d’Or ได้แก่ “The Water Murmurs” โดย Jianying Chen
    รางวัล Short Films Special Mention ได้แก่ “Lori” โดย Abinash Bikram Shah
    รางวัล Golden Eye Documentary Prize ได้แก่ “All That Breathes” โดย Shaunak Sen
    รางวัล Queer Palm ได้แก่ “Joyland”
  • UN CERTAIN REGARD
    รางวัล Un Certain Regard Award: “The Worst Ones” โดย Lise Akoka, Romane Gueret
    รางวัล Jury Prize: “Joyland” โดย Saim Sadiq
    รางวัล Best Director Prize: Alexandru Belc จาก “Metronom”
    รงวัล Best Performance Prize: Vicky Krieps จาก “Corsage” และ Adam Bessa จาก “Harka” (เสมอกัน)
    รางวัล Best Screenplay Prize: Maha Haj จาก “Mediterranean Fever”
    รางวัล Coup de Coeur Award: “Rodeo” โดย Lola Quivoron
  • DIRECTORS’ FORTNIGHT
    รางวัล Europa Cinemas Label: “One Fine Morning” โดย Mia Hansen-Løve
    ราวัล Society of Dramatic Authors and Composers Prize: “The Mountain” โดย Thomas Salvador
  • CRITICS’ WEEK
    รางวัล Nespresso Grand Prize: “La Jauria”
    โดย Andres Ramirez Pulido
    รางวัล French Touch Prize: “Aftersun” โดย Charlotte Wells
    รางวัล GAN Foundation Award for Distribution: Urban Distribution จาก “The Woodcutter Story”
    รางวัล Louis Roederer Foundation Rising Star Award: Zelda Samson จาก “Love According to Dalva”
  • CINÉFONDATION
    รางวัล First Prize: A Conspiracy Man”
    โดย Valerio Ferrara
    รางวัล Second Prize: “Somewhere” โดย Li Jiahe
    รางวัล Third Prize: “Glorious Revolution” โดย Masha Novikova และ “Humans Are Dumber When Crammed
    Up Together” โดย Laurène Fernandez (เสมอกัน)

———————————————
คอลัมน์ “บันเทิงรอบโลก”
โดย “มาดามเมี้ยนฤดี”