ลิซานโดร มาร์ติเนซ เซนเตอร์ฮาล์ฟเลือดฟ้าขาว กลายเป็นสมาชิกใหม่รายที่ 3 ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงซัมเมอร์นี้ หลังย้ายมาจาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ด้วยค่าตัวมหาศาลถึง 55 ล้านปอนด์
ด้วยส่วนสูงเพียง 5 ฟุต 9 นิ้ว หรือ 175 ซม. ซึ่งถือว่า เตี้ยไปไม่นิดสำหรับนักเตะในตำแหน่งปราการหลังตัวกลางทำให้หลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไม แมนฯ ยูไนเต็ด จึงเลือกเซ็นสัญญากับ มาร์ติเนซ ทั้งที่ยังมีตัวเลือกอื่นในตลาดอาทิ เปา ตอร์เรส กองหลังทีมชาติสเปนของ บียาร์รีล ที่มีส่วนสูงถึง 191 ซม.เป็นต้น
เหตุผลสำคัญที่ทำให้ เอริก เทน ฮาก กุนซือคนใหม่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ขอให้บอร์ดเซ็นศิษย์เก่าอย่าง มาร์ติเนซ มาขันแนวรับ โดยไม่สนคำแนะนำจากทีมแมวมองที่ดูจะชื่นชอบ ตอร์เรส มากกว่า เป็นเพราะ กองหลังชาวอาร์เจนไตน์ มีคุณสมบัติที่แตกต่างกับเซนเตอร์ฮาล์ฟทุกคนที่ เรด เดวิลส์ มีอยู่ในมือตอนนี้
มาร์ติเนซ เป็นกองหลังที่มีความดุดัน และเล่นในสไตล์ Proactive หรือ เป็นพวกชอบพุ่งเข้าตะปบใส่โดยไม่รอให้คู่แข่งเดินหน้าเข้ามาหาก่อน ซึ่งเข้ากันได้ดีกับแท็กติกของ เทน ฮาก ที่นิยมให้ลูกทีมขยับขึ้นไปเพรสซิงในแดนหน้าเหมือนที่เคยแสดงให้เห็นเป็นน้ำจิ้มไปแล้วในเกมแดงเดือดที่กทม. ซึ่ง แมนฯ ยูไนเต็ด เผาเครื่อง ลิเวอร์พูล แบบหมดสภาพถึง 4-0
นอกจากนี้ มาร์ติเนซ ยังเป็นกองหลังที่มีความคล่องแคล่ว กลับตัวได้รวดเร็ว ครองบอลดี ไม่อืดเป็นเรือเกลือเหมือนกับ แฮร์รี แม็กไกวร์ หรือ วิคตอร์ ลินเดเลิฟ ที่มีปัญหาเสมอเมื่อต้องตามประกบกองหน้าที่มีความปราดเปรียวว่องไว ที่สำคัญหมอนี่ยังเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟที่ถนัดเท้าซ้าย ซึ่ง แมนฯ ยูไนเต็ด ตามหามาเนิ่นนานอีกต่างหาก
ส่วนเรื่องการดวลลูกกลางอากาศที่เด็กผีหลายคนเป็นกังวลว่า จะกลายเป็นปัญหาสำหรับ มาร์ติเนซ หรือเปล่า ดูจะไม่น่าห่วงเท่าไรเพราะนี่คือจุดแข็งของเจ้าตัวด้วยซ้ำสมัยลงเล่นอยู่ในเอเรดิวิซี ฮอลแลนด์
แม้จะรูปร่างไม่สูงใหญ่ แต่ มาร์ติเนซ ใช้การอ่านเกมอันยอดเยี่ยมกลบจุดอ่อนตรงนี้ได้อย่างแนบสนิท และทำให้เขามักจะสามารถโหม่งสกัดบอลได้ก่อนจะพุ่งเข้าศีรษะของกองหน้าฝ่ายตรงข้ามอยู่เสมอเหมือนในการดวลกับ เออร์ลิง ฮาแลนด์ และดาร์วิน นูนเญซ ในศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลก่อน
ทว่าคุณสมบัติที่ดูจะถูกอกถูกใจ เทน ฮาก มากที่สุดก็คือความเป็นนักสู้ และทัศนคติอันยอดเยี่ยมของ กองหลังทีมชาติอาร์เจนตินา ซึ่งแฟนบอลของ แมนฯ ยูไนเต็ด ต่างทราบดีว่า นักเตะสายบู๊ที่สามารถปลุกใจเพื่อนร่วมทีมให้ฮึกเหิมขึ้นมาได้ยามอยู่ในสนามนั้น คือสิ่งที่ทีมรักของพวกเขาโหยหามาตลอดหลายปีที่ผ่านมา.
แท ยอน
