นโยบาย…เปิดเสรีกัญชา!! ยังเป็นข้อห่วงใยในสังคมไทยยังต่อเนื่อง โดยเฉพาะเรื่องของการ “กำกับดูแล” เพราะทุกคนต่างรู้ดีถึงพิษของกัญชากันอย่างดีอยู่แล้ว หากนำไปใช้ไม่ถูกต้องตามวัตถุประสงค์

หลังการปลดล็อกกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด และถูกวางเป้าหมายเพื่อใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ แต่สุดท้ายผลที่ออกมา กลับดูเหมือน “สวนทาง” กับนโยบายโดยสิ้นเชิง

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการนำไปใช้ในเชิงสันทนาการ หรือการนำกัญชามาผสมอาหาร ผสมเครื่องดื่ม หรือแม้แต่ผสมกับผลิตภัณฑ์อุปโภคโดยทั่วไป ที่มีอยู่อย่างกลาดเกลื่อน

ที่สำคัญผลิตภัณฑ์ สินค้า อาหาร ที่ผสมกัญชา กลับมีผลกระทบกับคนซื้อ บางรายถึงขั้นเสียชีวิต เพราะแพ้กัญชา หรือบางรายก็กลายเป็นว่าติดกันงอมแงม

ล่าสุด!! ชมรมแพทย์ชนบท ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงนโยบายกัญชาเสรี ผ่านการตั้งคำถาม ถึงปลายทางของผลประโยชน์ที่แท้จริง พร้อมกับเชิญชวนภาคประชาชน เรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนเรื่องกัญชา โดยเสนอให้ใช้ทางการแพทย์เท่านั้น และให้นำชื่อของกัญชา กลับไปอยู่ในบัญชียาเสพติดตามเดิม

ณ เวลานี้ อย่างที่รู้กันเรื่องของกัญชา ยังอลวนอลเวง ด้วยกฎหมายลูกหลายฉบับยังไม่มีออกมาเพื่อบังคับใช้ แต่หลายหน่วยงานก็แก้ไขโดยออกประกาศตามอำนาจที่มีอยู่เพื่อป้องกัน เพื่อควบคุมกันไปบ้างแล้ว

ไม่ต้องถามว่า? กัญชานี้เพื่อใคร? เพราะทุกคนดูออก!!

ในเรื่องของการแพทย์ หรืออุตสาหกรรมที่ครบวงจร ก็น่าจะเป็นประโยชน์ไม่น้อย แต่เบี้ยใบรายทาง ริมถนน ริมรั้ว เนี่ยสิ!! ปัญหาใหญ่ที่ทุกฝ่ายต่างรู้ดีกันอยู่แล้ว

ถามว่าจริง ๆ แล้วคนไทยทั้งประเทศจะมีมากน้อยแค่ไหน? ที่สนับสนุนนโยบายเสรีกัญชา

ล่าสุดผลสำรวจความเห็นของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุว่า ผู้ตอบคำถาม 58.3% ทีเดียว ที่ไม่เห็นด้วยกับการเปิดเสรีกัญชา หรือเรียกง่าย ๆ ว่า มากกว่าครึ่งของแบบสำรวจทั้งหมด

ถามว่า? แบบสำรวจนี้เชื่อถือได้มากน้อยเพียงใด คำตอบ“ทุกโพล” ของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ต่างถูกสังคมหยิบยกไปอ้างอิงทั้งในเชิงวิชาการและเชิงนโยบาย

มากกว่าครึ่งที่ไม่เห็นด้วย ต่างมีคำตอบไปในทิศทางเดียวกันคือ..เป็นห่วงการใช้กัญชาในกลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะใคร ๆ ก็รู้สึกเช่นนี้กันทั้งนั้น เพราะกลัวว่าจะทำให้เกิดการ “เสพติด”

นอกจากนี้ยังเกรงกลัวกันว่า จะมีการใช้กันเกินขนาดในยารักษาโรค รวมไปถึงการก่อให้เกิดปัญหาสังคมจากการใช้กัญชา อย่างที่เห็นกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันอยู่แล้วว่า บรรดาผู้ที่เสพยาเสพติด ใช้ยาเสพติด หรือแม้กระทั่งกัญชา นั้นมีปัญหาทางสังคมเพียงใด

อย่างไรก็ตาม แม้อีก 41.7% ที่แสดงความเห็นด้วยในการตอบคำถาม เพราะเห็นว่าจะเกิดประโยชน์ทางการแพทย์และนันทนาการ แต่!! คำตอบที่ออกมา ก็ยังแฝงเงื่อนไขที่ว่า.. ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญ และต้องมีบทลงโทษที่รุนแรงเมื่อมีการทำผิดกฎในการใช้กัญชา และที่ต้องขีดเส้นใต้ คือ การกำหนดขอบเขตการเปิดเสรีให้ชัดเจน

ไม่เพียงเท่านี้!! ผู้ตอบคำถาม ยังมีสารพัดข้อเสนอแนะที่ต้องการให้รัฐบาลเร่งเข้ามาดำเนินการ ทั้ง เรื่องของการสร้างความตระหนักรู้ถึงผลดีผลเสีย การกำหนดปริมาณการบริโภคให้ชัดเจน กำหนดกลุ่มผู้ใช้ สถานที่ในการใช้ และอีกมากมาย รวมไปถึง…บทลงโทษ!!

แม้ผลสำรวจในรอบนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลในเชิงลบ ต่อนโยบายเสรีกัญชา แต่ขณะเดียวกันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า การเปิดเสรีกัญชา ก็สร้างประโยชน์และโอกาสทางเศรษฐกิจไม่น้อยทีเดียว

มีการคาดการณ์กันว่ามูลค่าตลาดของอุตสาหกรรมกัญชา ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำนั้นมีมากกว่า 28,000 ล้านบาท และภายในปี 68 มูลค่าตลาดจะเติบโตขึ้นไปอยู่ที่เกือบ 43,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมนี้จะช่วยสร้างรายได้ให้เกษตรกรผู้ปลูกกัญชาได้สูงถึง 8 แสน-1.2 ล้านบาทต่อไร่ต่อปี หรือเฉลี่ยไร่ละ 1 ล้านบาทกันทีเดียว ซึ่งมากกว่าการปลูกข้าวเกือบ 100 เท่าทีเดียวก็ว่าได้

แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า ผลประโยชน์มหาศาลเหล่านั้นตกอยู่ที่ “เกษตรกรตัวจริง” หรือไม่ก็เท่านั้น!!

……………………………………….
คอลัมน์ : เศรษฐกิจจานร้อน
โดย “ช่อชมพู”…