วันก่อน “โค้ชอ๊อต”  เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร โค้ชขวัญใจชาวไทยตลอดกาล ฝากความประทับใจ มายัง หมอพลเดช ปิ่นประทีป สมาชิกวุฒิสภา หมายเลข 120  ว่า

“กราบขอบพระคุณคุณหมอพลเดช มากครับ..นับเป็นคำนิยมที่มีคุณค่ายิ่งสำหรับพวกเราครับ ซึ่งคณะกรรมการบริหารสมาคมทุกท่านและสตาฟโค้ชรวมทั้งนักกีฬาทีมวอลเลย์บอลทุกคน..ทั้งในร่มและและชายหาด..เราจะรักษาคุณความดีไว้และพัฒนาต่อยอดเพื่อถ่ายทอดให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองและส่วนรวมต่อไปในการพัฒนาบุคลากรของชาติในด้านอื่นๆครับ”

โดย หมอพลเดช กล่าวถึง “วอลเลย์บอลหญิงไทย ชนะใจคนทั้งโลก” ไว้น่าคิด น่าฟังว่า อะไรทำให้วอลเลย์บอลหญิงไทยชุดนี้ ประสบความสำเร็จ สามารถเอาชนะใจคนดูได้ทั่วโลก ทำให้คนไทยมีความสุข และบังเกิดความภาคภูมิใจในความเป็นชาติ คำตอบในมุมมองของผมคือ “สปิริตความเป็นนักกีฬา บวกกับ “ฝีไม้ลายมือ” ที่ฝากไว้ในการแข่งขันครับ

1.นักกีฬาไทยโดยทั่วไป มีขนาดร่างกายโดยเฉลี่ยเล็ก และเตี้ยกว่าคู่แข่งขันวอลเลย์บอลจากทุกประเทศ จึงอยู่ในสภาพที่เสียนและเป็นรองในสายตาของผู้ชม นักพากษ์ ผู้บรรยาย และกรรมการ จึงเกิดอารมณ์ “เชียร์มวยรอง”  ขึ้นตามธรรมชาติของมนุษย์ทุกเผ่าพันธ์ (เรื่องนี้อาจยกเว้นสำชาติพันธุ์ที่เป็นคู่แข่ง)

2.นักกีฬาหญิงไทยฝีมือไม่น้อยหน้าทีมใด สามารถเอาชนะทีมลำดับต้นของโลกมาแล้วทุกประเทศ ทั้งแบบชนะเกม หรือแบบที่ชนะได้บางเซต ทีมหญิงไทยรู้จักเปลี่ยนจุดอ่อน ในเรืองความสูงใหญ่ หันมาใช้ความเปราดเปรียวว่องไว และความเหนียวแน่นเป็นจุดแข็งในการตั้งรับ ตีโต้ และรุกฆาต อันนี้ต้องชื่นชมโค้ชผู้ฝึกสอนและการวางแผนการเล่นแต่ละครั้ง

3.บุคลิกภาพ นิสัยใจ ความยิ้มแย้มแจ่มใส แม้ในขณะที่เกมตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ และมีภาวะกดดัน ก็ยังคงสุภาพเรียบร้อย ไม่แสดงอาการข่มขู่เยาะเย้ยต่อผู้ใด แสดงความดีใจกันเองภายในทีม เคารพกติกา เคารพคู่แข่งขัน เคารพคนดู เคารพกรรมการ และที่สำคัญที่สุดคือการเคารพตัวเอง ที่คือสิ่งที่เรียกว่า “สปิริตความเป็นนักกีฬา”

4.สิ่งที่น่าศึกษาอีกอย่าง คือการทำงานอย่างมีแบบแผน มีเป้าหมาย มียุทธศาสตร์ระยะยาวของสถาบันและครูฝึก ตลอดจนสมาคมกีฬาและภาคเอกชนผู้สนับสนุนที่เกี่ยวข้อง มิได้ทำงานแบบฉาบฉวยเฉพาะหน้า ดังจะเห็นได้จากประวัติพัฒนาการของทีมชาติไทย ศักยภาพเฉพาะตัว ส่งผ่านจากรุ่นสู่รุ่นในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา

บทเรียนรู้จากวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย นับว่ามีคุณค่าและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการปฏิรูปการเมืองโดยประชาชน เราอยากเห็นการเมืองแบบจิตอาสา ซื่อสัตย์สุจริต เคารพกฎหมาย เป็นสุภาพชน สร้างสรรค์สามัคคี และมีสปิริตนักกีฬา โดยเฉพาะเมื่อพวกเราบางตนตัดสินใจที่จะเดินลงจากอัฒจรรย์ในฐานะผู้ชมหรือกองเชียร์ มุ่งหน้าเข้าสู่เกมการแข่งขันช่วงชิงอำนาจทางการเมืองในฐานะผู้เล่น มีเป้าหมายมนการปรับเปลี่ยนดุลอำนาจในรัฐสภา และนำพาการเมืองไทยสู่ความลงตัวแบบใหม่

สิ่งที่ “หมอพลเดช” อยากเห็น คนไทยก็อยากเห็น อยากสัมผัสได้ ไม่ว่า จะเป็นในเรื่อง “การเมือง” หรือ “กีฬา” การเอาเยี่ยงอย่างในเรื่องที่ดีงาม ย่อมทำให้สังคม ส่วนรวม ดีงาม อย่างแน่นอน

              “คม ท่าดี”