1 แต้มที่ได้กลับมาจากสแตมฟอร์ด บริดจ์ มีคุณค่าต่อ สเปอร์ส มากกว่าแค่แต้ม แต่บ่งบอกได้ถึงพัฒนาการของทีมได้ในระดับหนึ่ง

สเปอร์ส อาจจะชนะ แมนฯ ซิตี ไป-กลับ อาจจะสู้กับ ลิเวอร์พูล ได้สนุก แต่กับ เชลซี พวกเขาเหมือนลูกไก่ในกำมือ เจอกันทีไรก็แพ้ แพ้แบบแพ้ขาด สู้ไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง ทั้งรูปเกม และสกอร์

ยิ่งเล่นที่บ้านเชลซียิ่งไม่ต้องพูดถึง ข่มกันแค่ไหน คิดดูง่ายๆว่า พรีเมียร์ลีกเตะมา 30 ปี สเปอร์ส เคยบุกชนะ เชลซี ครั้งเดียว

อาจเพราะกลัวอาถรรพ์ แพ้ทาง ตื่นเต้น หรืออะไรก็ตาม เกมที่เดอะ บริดจ์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา นักเตะสเปอร์ส ไม่อยู่ในฟอร์มที่ควรจะเป็น เหมือนเป็นคนละทีมกับนัดแรก ที่ถล่ม เซาแธมป์ตัน ทั้งๆที่ผู้เล่นที่ลงสนามก็ชุดเดียวกัน

เชลซี ครองเกมได้หมดจด ชนะทุกอย่าง นักเตะความสามารถเหนือกว่า ฟิตกว่า เร็วกกว่า 1 จังหวะตลอด แถมได้ประตูขึ้นนำเร็วจากเตะมุม และสร้างโอกาสยิงได้อีกมากมาย ถ้าเข้าไปอีกสักลูกสองลูก สเปอร์ส คงกลับมาสู่เกมไม่ได้

แต่ที่บอกว่าพัฒนาขึ้น คืออย่างน้อยก็ยันอยู่ ครึ่งแรก เสียแค่ประตูเดียว และรู้จักฉวยโอกาสเล่นเร็ว ซึ่งน่าจะเป็นอย่างเดียวที่จะทำให้พวกเขาสร้างโอกาสยิงได้

ในวันที่ “ออฟ” แบบนี้ แต่ สเปอร์ส ก็ยังเขี้ยวพอที่จะได้ประตูตีเสมอจากโอกาสอันน้อยนิด แต่ก็นั่นแหละ ไม่รู้ด้วยความชะล่าใจ หรือเกมรับที่ยังเปิดพื้นที่ให้คู่แข่งเพียบ ทำให้อีกไม่กี่นาทีต่อมา พวกเขาก็เสียประตูที่ 2 กลายเป็นฝ่ายตามหลังอีกครั้ง

ถ้าเป็นเมื่อก่อน คงถอดใจกันหมด รอโดนลูก 3 ลูก 4 แพ้ไปแบบสบายๆ แต่ตอนนี้ ไม่ใช่ อันโตนิโอ คอนเต ยังเชื่อมั่น ยังแหกปากตะโกนสั่งแบบไม่กลัวเจ็บคอ และยังเปลี่ยนผู้เล่นเกมรุกลงมา เพื่อเดินหน้าทวงประตูคืน ชนิดไม่ห่วงว่ากองหลังจะรั่ว

นักเตะก็แสดงให้เห็นว่า ต้องการสู้เพื่อทีม และเพื่อ คอนเต การเจอเกมยาก นอกบ้าน แพ้ทาง แถมรูปเกมสู้ไม่ได้เลยแบบนี้ โอกาสรอดแทบจะไม่มี แต่พวกเขายังพยายามเล่น พยายามสู้ พยายามวิ่งเข้าใส่ จน เชลซี ก็เล่นไม่ง่าย เจอลูกพัวพันตลอดทั้งเกม

ประตูตีเสมอของ แฮร์รี เคน ในจังหวะเตะมุมในนาทีสุดท้ายของการทดเวลา แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ยอมแพ้จนกว่าจะสิ้นเสียงนกหวีดยาว โมเมนต์การดีใจของนักเตะแสดงให้เห็นว่าพวกเขายังมั่นใจอยู่เสมอ และนี่คือรางวัลที่พวกเขาควรได้รับ

มันคือสิ่งที่ไม่ค่อยจะเกิดขึ้นกับ สเปอร์ส แทบไม่มีกุนซือคนใดปลูกฝังเรื่องแบบนี้ใส่ในดีเอ็นเอนักเตะ สเปอร์ส ได้ แต่ คอนเต ค่อยๆสร้าง ค่อยๆปลุกเร้า จนค่อยๆซึมเข้าไปในตัวทุกคน

แต้มที่ได้จึงไม่ได้มีค่าแค่แต้ม แต่แสดงให้เห็นว่า สเปอร์ส กำลังค่อยๆก้าวผ่านความ “ซอฟต์” แบบเดิมๆ กลายเป็นทีม “แกร่งขึ้น” ทั้งในสนาม และสภาพจิตใจ

และอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่สร้างความมั่นใจได้อีกมหาศาลในการก้าวไปลุ้นความสำเร็จต่อไปในฤดูกาลนี้.