“ก็ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ท่านสั่งมาน่ะ ว่าต้องได้เหรียญทอง ก็ต้องตามคำสั่งท่าน”

การขยับดังกล่าว จะประดิดประดอยคำยังไง ปฏิเสธไม่ได้ว่า สะดุ้งจากการว้ากแบบขึงขังเท่จัง ของ พล.อ.ประวิตร เพราะก่อนหน้านี้ สมาคมบอล มียุทธศาสตร์ มีท่าทีชัดเจนว่า ไม่ได้แคร์ซีเกมส์เท่าไหร่ ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เอา มาเน้นรายการตามฟีฟ่าเดย์, ฟุตบอลอาชีพดีกว่า

ไม่นานมานี้ ก็มีข่าวว่า ฟีฟ่าเดย์เดือนมีนาคมปีหน้า เตรียมตัวลับแข้งกันแล้ว เล็งๆ อาจไปต่างประเทศด้วย อยู่ดีๆ มาล่มไปดื้อๆ จะให้คิดอย่างไร

มาโน โพลกิง บอกว่า อยากให้ลีกแข่งต่อเนื่อง เพราะต้องหยุดตอนชิงแชมป์อาเซียนอยู่แล้ว โถ พ่อคุณ คิวเตะวางตั้งนานแล้ว ทำไมเพิ่งมาพูด มีใครขอยืมปากหรือเปล่า

สมาคมลูกหนังอ้างได้ว่า มีการขยำแผนงานทิ้งลงถังขยะ เพราะมีสั่งการจากผู้ใหญ่

แต่ก็ต้องถามว่า “มันสมควรหรือไม่” ในเมื่อคิดแผนยุทธศาสตร์มาแล้ว ได้อธิบายรายละเอียดกันไปหรือยัง

บริบทลูกหนังโลกสมัยนี้ หมุนไปไม่รู้กี่รอบๆ เมื่อก่อนน่ะใช่ ซีเกมส์ สำคัญมากเหรียญทองต้องได้ แต่นับวัน เมื่อวางระเบียบโลกลูกหนังกันใหม่ มีระบบฟีฟ่าเดย์ความสำคัญบอลซีเกมส์น้อยลง ไม่อย่างนั้นเขาจะจำกัดอายุเหรอ

ฟุตบอลอาชีพเข้ามา เตะยาวกันทั้งปี นั่นส่งผลถึงเงินตอบแทนนักฟุตบอล เพราะมีหลายทีมที่เซ็นสัญญากันฤดูกาลต่อฤดูกาล บอลจบ เลิกจ่าย การจะเร่งให้ปิดฤดูกาลเร็วๆ มันก็เหมือนพูดไม่คิด

นักบอลเป็นลูกจ้างโดยตรงของสโมสร เงินเป็นกอบเป็นกำมาจากสโมสร ไม่ใช่จากทีมชาติ เหมือนสมัยนานนมกาเล และไม่เหมือนกับกีฬาอื่นๆ ซีเกมส์ เอเชี่ยนเกมส์ เตะนอกฟีฟ่าเดย์ ไปบังคับเขาปล่อยตัวก็ไม่ได้

ไหนจะคิวทีมชาติสำคัญๆ ฟีฟ่าเดย์ มีเก็บคะแนนอันดับโลก เราไม่ใช้คิวเตะมีนาคม เท่ากับทิ้งโอกาสไปฟรีๆ นี่ก็คงไม่ได้ขยับอันดับโลก ขยับโถทีมวางบอลโลกเอเชียแล้ว

เอาตรงๆ ชาติที่พัฒนาด้านฟุตบอลแล้ว ไม่มีใครทิ้งฟีฟ่าเดย์กัน แล้วนี่ทิ้งเพื่อซีเกมส์

แล้วภูมิภาคนี้ รายการนอกฟีฟ่าเดย์ก็ยุบยับ ไหนจะชิงแชมป์อาเซียน, ซีเกมส์, เอเชี่ยนเกมส์ เตะกันทีเป็นเดือน ถ้าจะเอามันหมด โปรแกรมบอลอาชีพก็ต้องหลบทั้งหมด ซึ่งย่อมมีผลกระทบเป็นลูกโซ่

บอลซีเกมส์ เหรียญศักดิ์ศรี พลาดไม่ได้ เมื่อก่อนนะใช่ บอลแพ้ต้องสาบถสาบานหรือถึงกับมีเพลง “บอลซีเกมส์ๆ ดูแล้วปวดหัวใจ”

แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่แล้ว แฟนฟุตบอลส่วนใหญ่เข้าใจ อารมณ์ประมาณว่า ชุดเล็กไปไม่เป็นไร ถึงตอนแข่งอย่าไปหลงกับการที่แฟนบอลมีอารมณ์ร่วม ก็ลงสนามแล้ว มันก็ต้องเชียร์ เป็นธรรมดา ทว่าไม่ได้หมายถึงจะเอาเป็นเอาตายแบบเมื่อก่อน แพ้ไม่ได้ แพ้ก็ไปสาบานซะ

โลกลูกหนังที่เปลี่ยนไป ผู้อาวุโสอาจสตัฟฟ์อารมณ์กับฟุตบอลซีเกมส์ ไว้ตั้งแต่ยังเป็นหนุ่ม

แต่ถ้าไม่เข้าใจ คนรอบข้างก็ต้องอธิบาย ไม่ใช่ “ครับนายๆ” อย่างเดียว หรือที่ปรึกษาก็ “ไม่รู้ๆ” เหมือนกัน ไม่มีใครเตือนใคร

ส่วนสมาคมฟุตบอลฯ หากมั่นใจในแนวทาง ก็ต้องมีแอ๊คชั่นแข็งขืนมากกว่านี้ คุยให้เข้าใจ ไม่ใช่พอว้ากกันมาที ก็สะดุ้งกันไปหมด เอาตัวรอดไปก่อน

ไม่รู้ว่าทำงานเพื่อวงการฟุตบอลไทย หรือทำงานเพื่ออะไรกันแน่.

*** วุฒินล ***